กลายเป็นแสที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเลยทีเดียว ภายหลังจาก พลาม พรมจำปา นักวิ่งล่ามโซ่ 7 กก. จากแม่สาย-เบตง เพื่อระดมทุนบริจาคช่วยทหารที่ประสบอุบัติเหตุในภาคใต้ ได้ออกมาโพสต์จวก ตูน บอดี้สแลมว่า
อย่าทำตัวเป็นพระเอกคนเดียว ให้ตอบคำถามสังคม ว่าแท้จริงไม่ใช่ฮีโร่ที่วิ่งเส้นทางใต้สุดจรดเหนือสุดแดนสยาม ก่อนหน้านั้นก็เคยมีคนทำได้มาก่อน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือตน ที่เคยวิ่งเส้นทางแม่สาย-เบตง 42 วัน เมื่อปี 2548 และในปี 2558 วิ่ง 52 วัน เส้นทาง เบตง-ศิริราศ-หนองคาย-แม่สาย
ภายหลังจากนั้นไม่นาน ชาวโซเชียลก็พากันไม่พอใจเป็นอย่างมาก กับข้อความที่ทาง พลาม พรมจำปา ได้มีการพาดพิงตูน บอดี้สแลมเช่นนี้ โดยบอกว่า การที่ทางพลาม ออกมาทำโครงการวิ่งเพื่อระดมทุนบริจาคบ้าง เป็นสิ่งที่ดีหากไม่ได้มีเจตนาใดแอบแฝง แต่ทำไมจะต้องแขวะตูน รู้สึกเหมือนเป็นลุงแก่ที่อิจฉาเด็กรุ่นใหม่ สถิติเมื่อตอนที่มอบเกียรติบัตรบนเวทีที่แม่สาย ก็ได้มีการระบุชัดเจนว่า ตูนเป็นคนไทยคนแรกที่วิ่งเส้นทางเบตง-แม่สาย “ด้วยการบันทึกสถิติด้วยมาตรฐานสากล”
ทั้งนี้ การจะเคยวิ่งจากใต้สุดถึงเหนือสุด หรือจากเหนือสุดถึงใต้สุดประเทศไทย เป็นคนแรก หรือคนที่เท่าไหร่ จะวิ่งกี่วัน หรือกี่กิโลเมตร สิ่งเหล่านั้นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สำคัญอยู่ที่เจตนาและวัตถุประสงค์ของการทำว่าวิ่งไปเพื่ออะไร หากทำด้วยใจที่มุ่งมั่นอยากช่วยเหลือสังคม ย่อมเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แต่การออกมาประกาศว่าตัวเองเคยทำได้มาก่อน พร้อมทั้งการวิจารณ์ว่าคนอื่นทำตัวเป็นพระเอกคนเดียว มันทำให้เห็นทัศนะคติในแง่ลบ หากคิดอยากจะทำดีก็ทำไป ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะเป้าหมายจริง ๆ คือเพื่อการกุศล ไม่ใช่สถิติ
และแน่นอนว่าเมื่อมาเปิดประเด็นโจมตีตูนเช่นนี้ ก็ไม่แปลกที่จะเจอกระแสโจมตีกลับอย่างรวดเร็ว แต่มีจำนวนไม่น้อยบอกว่า ตอนแรกเห็นพลามทำโครงการวิ่งช่วยเหลือทหาร ก็อยากจะร่วมบริจาค แต่เมื่อเห็นทัศนคติเช่นนี้ ขอเปลี่ยนใจดีกว่า
ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก Plam Promjumpa, เฟซบุ๊ก ก้าว
Cr. Kapook
สำนักข่าววิหคนิวส์