จากกรณีพระเอกหนุ่ม “อาร์ต พศุตม์ บานแย้ม” เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจให้ดำเนินคดีเอาผิดกับเว็บไซต์บันเทิงเว็บหนึ่ง ที่นำภาพของตนไปประกอบข่าวพระเอก อักษรย่อ อ. และ พ. ขโมยเงินลูกสาวผู้จัดละครชื่อดัง เป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหาย และเสื่อมเสียชื่อเสียงล่าสุด อาร์ต พศุตม์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวผ่านรายการเรื่องใหญ่ไฟกระพริบ ทางช่อง GMM 25 เปิดเผยจถึงเรื่องนี้ว่า
เล่าถึงเรื่องที่ไปแจ้งความดำเนินคดีข่าวอักษรย่อ ? “ตอนแรกที่ผมเห็นข่าวนี้ ผมเห็นรูปก่อน ซึ่งผมรู้ทันทีว่าเป็นรูปของเรา และข่าวก็เขียนว่าแจ้งจับ 2 พระเอกหนุ่ม ผมก็คิดว่าแจ้งจับผมเรื่องอะไร ผมก็เข้าไปอ่านเนื้อข่าวก็เห็นเขาเขียนถึงอักษรย่อ อ. และ พ. ซึ่งในข่าวระบุว่าเป็นพระเอกที่ไม่เซ็นสัญญาต่อ เป็นหนุ่มหุ่นล่ำ คือทุกอย่างที่เขียนมันชัดเจนและมีการใช้รูปผมด้วย
ซึ่งผมถ้าใครจะเล่นข่าวอะไรผมโอเคหมด แต่เรื่องนี้ผมเสียหาย ทำให้คนมองว่าผมเป็นคนขี้ขโมย แถมยังขโมยของในบ้านของลูกคนที่มีพระคุณคือพี่กอบสุข จารุจินดา ที่เป็นเหมือนแม่คนที่สองของผม ถ้าคนเห็นข่าวเขาจะคิดกับผมยังไง เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงและถือเป็นศักดิ์ศรีของผม เราจึงต้องแจ้งความ
อย่างเพจ “ที่นี่ดอทคอม” จริงๆ ตอนแรกเขาโทรหาแม่ผม และบอกว่าไม่แจ้งความได้ไหม ผมและแม่ก็บอกว่าไม่ได้ ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าเขาจะตามมาที่สถานีตำรวจ
พอไปถึงเขาก็พาน้องคนที่เขียนข่าวมาขอโทษทั้งน้ำตา และอ้างว่าที่ลงข่าวนั้นเพราะไปก๊อบปี้มาจากอีกสำนักข่าวนึง เขาก็เลยไม่รู้ว่ารูปนี้คือรูปผม ก็เลยเอาข่าวทั้งหมดมาแชร์ต่อ
ผมจึงสอนเขาไปว่า ต่อไปถ้าจะเขียนข่าวอะไรที่เราไม่รู้ ก็อย่าไปพาดพิงคนอื่น ซึ่งก็มีการให้ดอกไม้ขอโทษกัน ล่าสุดเพจที่นี่ดอทคอมก็ลงข่าวขอโทษผมในเว็บไซต์ แต่ไม่ลงหน้าเฟซบุ๊ก
ผมก็เลยให้แม่โทรไปถามเขาว่าทำไมตอนลงข่าวผมลงในเฟซบุ๊กได้ แต่ทำไมตอนขอโทษไปลงข่าวในเว็บไซต์ ต่อมาเขาก็เลยมาลงขอโทษผมในเว็บไซต์ปักหมุดไว้ 3 วันที่ทำให้ผมเสียหายก็โอเค
ส่วนอีกเว็บไซต์นึงที่เป็นเว็บต้นเรื่องยังไม่ได้มีการติดต่อมา ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนผมไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะแจ้งความลงบันทึกประจำวันเสร็จ ทางสถานีตำรวจจะส่งเรื่องไปในส่วนที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แล้วหาที่มาของเพจและเรียกมาสอบปากคำ ก็คิดว่าเรื่องน่าจะส่งกลับมาภายใน 1 เดือน
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในข่าว จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ผมขอไม่พูดถึง เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับผม แต่ผมยอมรับว่ารู้เรื่องและเรื่องนี้ไม่ได้เกิดที่บ้าน แต่เป็นที่โรงแรมในงานแต่งพี่อุ๊ลูกสาวพี่กอบสุข ผมพูดได้แค่นี้ เพราะถ้าพูดเดี๋ยวจะไปพาดพิงกับน้องๆ และบุคคลอื่น ผมขอพูดแค่ในส่วนของผมดีกว่า
ล่าสุดเมื่อเช้า (16 ม.ค.) ผมก็เข้าไปหาพี่กอบสุข เขาก็ให้คำแนะนำว่าถ้าจะให้เขาก็ให้อีกครั้งเดียว ก็คือครั้งนี้จากนั้นก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย แล้วเลิกพูดและทำงานของเราไป ซึ่งความสัมพันธ์ของเรายังดีไม่ได้โกรธกันเหมือนที่ข่าวเขียน เรายังคุยปกติและเป็นห่วงเป็นใยกัน
ส่วนเรื่องที่ พี่อุ๊บ วิริยะ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย และเป็นคนพาเพ็ชร ฐกฤต ไปสอบปากคำที่ สน.แถวสาทร ผมไม่รู้ครับ
สุดท้ายผมอยากขอร้องสื่อมวลชนให้น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า มาถามเรื่องอะไรเขาก็ควรจะเขียนแบบนั้น ถ้าข่าวรุนแรงก็เขียนรุนแรง ดีก็ให้เป็นเรื่องดี อย่าให้มันเป็นเรื่องรุนแรงไปหมดเลย และคนอ่านก็ต้องพิจารณาข่าวก่อนเชื่อด้วยครับ”
หลังจากแจ้งความแล้ว คดีความของเราเป็นคดีอะไร?
“เบื้องต้นผมไม่แน่ใจว่าเป็นคดีอาญารึเปล่าครับ แต่ พ.ร.บ.คอมฯ แน่นอนอยู่แล้ว คือทำลายชื่อเสียงให้เสียหาย และโดนแคนเซิลงาน แต่เมื่อวานผมไม่ได้ถ่ายใบแจ้งความครับ
ถามว่าแจ้งความไปกี่ข้อหา คือข้อหาหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียงครับ แล้วก็ พ.ร.บ.คอมฯ คือรูปมันเป็นรูปผม ตำรวจก็ถามพยานว่ามีกี่คนที่ดูแล้วเอ๊ะเลยว่าเป็นอาร์ต เยอะครับ เกิน 3 คนไหม เกินแน่นอนครับ ก็เลยเอาผิดได้ครับ”
เรียกว่าเราเสียหายจากการถูกยกเลิกงานด้วย?
“ใช่ครับ มันเป็นมูลค่าทางสังคมด้วยอะ มูลค่าภาษีที่เป็นดารา เสียชื่อเสียงด้วยครับ”
การโพสต์ขอโทษเพียงพอไหม หรือต้องเสียค่าปรับ?
“อันนี้ต้องบอกว่าแล้วแต่คุณตำรวจกับกระทรวงที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมฯ เพราะตอนนี้ผมโยนเรื่องให้ตำรวจแล้ว ถ้าเป็นคดีอาญายอมความไม่ได้อยู่แล้ว”
ทางตำรวจบอกรายละเอียดไหมว่าจะมีการไกล่เกลี่ยอะไร?
“มันอยู่ในเรื่องส่งสำนวนก่อนครับว่ามีที่มาจริงไหมจากเว็บนี้ ไอพีจริงไหม อาร์ตแต่งขึ้นมาเองไหม ซึ่งจริงๆ มันเป็นไอพีของทางเว็บอยู่แล้วครับ บังเอิญว่าแคปไว้ทันไง ก็เลยมีหลักฐานครับ”
แต่อีกเพจนึงยังไม่มีการขอโทษ เราจะจัดการยังไง?
“จริงๆ เป็นตัวต้นเรื่องนะ แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามีดำเนินการอะไรมาหาผมเลยสักอย่าง ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าคดีรูปความมันจะไปยังไง เพราะอยู่ในช่วงส่งสำนวนให้กระทรวงเช็กก่อน”
ส่วนตัวเราต้องการเรียกร้องอะไรจากเขา?
“อยากจะบอกคนเขียนน่ะครับว่าลองคิดดูว่าถ้าเป็นญาติพี่น้องตัวเอง หรือเป็นลูกตัวเอง แล้วมีคนเขียนข่าวแบบนี้จะโกรธไหม คิดถึงตัวเองแล้วลองมองย้อนกลับไปว่าสิ่งที่โดนน่ะมันคือญาติตัวเอง
เขียนข่าวอะไรก็แล้วแต่ สนุกแหละ คนอ่านข่าวไลค์แหละ แล้วคนที่โดนเขียนข่าวเขาจะเป็นยังไง ถามว่าโกรธไหม ผมรู้สึกว่าอยากให้เป็นคดีตัวอย่างดีกว่าครับ เวลาเขียนอะไรก็แล้วแต่ เดี๋ยวนี้เอะอะพูดถึงดาราก็ไม่ค่อยจะแฮปปี้เท่าไหร่ ดาราเขาก็เป็นคนนะ เขียนอะไรก็เบาๆ นิดนึง ให้เขามีที่ยืนในสังคมบ้าง”
วินาทีแรกที่เราเห็นข่าว ความรู้สึกเป็นยังไง?
“แวบแรกก็เฮ้อ!! (ถอนหายใจ) เหนื่อยหน่าย ทำไมต้องเล่นแรงขนาดนี้ ถามว่ารู้ข้อมูลจริงๆ รู้ แต่ผมไม่รู้จะดึงคนอื่นมาเดือดร้อนทำไม ไม่รู้จะดึงน้องที่อยู่ในสถานการณ์จริงออกมาทำไม
อันนี้ไปถามเขาเองครับ แวบแรกที่เห็นก็คือทำไมต้องเขียนถึงเราขนาดนี้ มันเป็นศักดิ์ศรีคนนะ ถ้าวันนึงผมไปตบหัวเขาแล้วเขาเขียน ผมไม่ว่าเลยนะ ผมเจอหน้าทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นพี่ๆ เขียนข่าวอะไรก็แล้วแต่ ผมจะสวัสดีก่อนแล้วค่อยสัมภาษณ์ทุกครั้ง
ก็ไม่รู้ว่าโกรธอะไร ทำไมต้องเล่นถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในสังคมที่แบบ…เป็นเด็กขี้ขโมยอะ ไม่โอเค”
ได้คุยกับพี่กอบสุขเรื่องข่าวตั้งแต่วันนั้นเลยไหม?
“คุยกับพี่อุ๊ครับ คุยตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องตอนกลางคืนแล้วครับ ผมก็โทรหาพี่เขา คือผมอยากรู้ว่าเรื่องที่มันเกิดจริงๆ มันเกิดมากี่ปีแล้ว
ผมก็ถามว่าพี่เขาแต่งงานมากี่ปีแล้ว พี่เขาก็บอก 3 ปีแล้ว ผมก็เออ พี่เห็นข่าวแล้วใช่ปะ พี่เขาก็บอกว่าเห็นแล้ว บ้าบอเนอะ เขายังบอกอย่างนี้เลยครับ”
เราทราบไหมว่าข่าวออกมาได้ยังไง?
“อันนี้ไม่ขอพูดถึงดีกว่า ไปไล่เลียงกันเอง อาจจะต้องถามคนที่เขาเขียนจริงๆ ว่าเขาฟังมาจากใคร มีจุดประสงค์อะไร ทำลายชื่อเสียงใครรึเปล่า อันนี้ต้องไล่กันเอาเองครับ”
เราได้ปรึกษากับพี่อุ๊ไหมว่าจะดำเนินการแบบนี้?
“ไม่ได้คุยกับใครเลยครับ นอกจากคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เท่านั้น จริงๆ ผมก็เพิ่งรู้ข่าวพี่อุ๊บวันนี้ เพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เองว่ามีการให้ข่าวกันแล้ว ผมยังบอกว่าหืม ให้ข่าวได้ไง ผมยังไม่ให้ข่าวอะไรเลย”
ด้านเพ็ชร ฐกฤต ได้มาพูดคุยปรึกษาเราไหม?
“คุยครับ แต่ไม่ขอพูดถึงนะ”
ตัวเขาเองจะฟ้องเหมือนเราไหม?
“ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวรอให้น้องออกงานอีเว้นท์แล้วกัน”
อุ๊บบอกว่าเป็นคนพาน้องไป สน. เอง ตอนนั้นเราเองได้ไป สน. ด้วยไหม?
“ไม่รู้เรื่องเลยครับ รู้แต่ว่าเป็นคนกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย ทั้งสองฝ่ายมาปรึกษาผมว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ แต่เรื่องจริงรึเปล่าไม่รู้ครับ”
แล้วเหตุการณ์วันนั้นเราทำอะไรอยู่?
“วันนั้นที่โรงแรมผมหลับครับแล้วมันเกิดเรื่องอะไรก็ไม่รู้อะ วันนี้ก็มาเขียนถึงผม ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
แต่ในข่าวเขียนว่าเราอยู่ในเหตุการณ์?
“อยู่ในหลังคาเดียวกันแหละ แต่บังเอิญว่าผมนอนหลับอยู่บนเตียง แล้วก็เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ แต่เรื่องเกิดขึ้นอีกสถานที่นึงที่อยู่ในหลังคาเดียวกันแค่นั้นเอง คืออยู่ในโรงแรมนั้น แต่อยู่คนเดียวและนอนหลับครับ ผมรู้เรื่องเหตุการณ์นั้นหลังจากนั้นอีก 2-3 วันครับ”
สรุปเราไม่ได้เกี่ยวข้องในคดีนั้นเลย?
“ไม่เกี่ยวเลย ไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่กองละคร ไม่รู้ว่าดึงผมออกไปทำลายใครรึเปล่า ผมไม่รู้อะ (หัวเราะ) เพราะเขารู้ว่าผมเอาแน่ ส่วนเรื่องเพ็ชรให้ไปถามน้องเองดีกว่าครับ”
รู้สึกยังไงที่อยู่ดีๆ ก็โดนโยงถึงเรื่องนี้?
“ก็รู้สึกว่าเขาโกรธอะไรผมนักหนา ทำไมต้องทำลายชื่อเสียงขนาดนี้ อย่างที่บอกครับว่าเขียนอะไรก็คิดว่าเขาเป็นญาติพี่น้องหน่อย และคิดว่าถ้าตัวเองโดนเหตุการณ์แบบนี้จะโอเคไหม คิดเยอะๆ หน่อยแล้วกันครับ
ผมไม่อยากให้ใครมาว่านักข่าวไม่มีจรรยาบรรณ แต่พี่ๆ ต้องแอนตี้กันเองว่าใครเป็นยังไง ผมไม่สามารถให้คนทั้งโลกเชื่อได้ว่าพวกพี่มีจรรยาบรรณ ผมไม่สามารถพูดได้ อยู่ที่พี่ๆ หลายคน ผมเป็นดาราโดนสัมภาษณ์ ข่าวออกไปยังไง เขาว่าพวกพี่ก่อน เขาไม่ได้ว่าผมครับ”
คนรอบข้างรวมถึงแฟนเราว่าไงบ้าง?
“ขำครับผม แฟนคลับเขารู้ว่าเป็นผมในรูป ส่วนแฟนตัวจริงอยู่ที่ไหนอะ ไม่มีครับ ทำงานก่อนครับ อีกปี 2 ปีจะบวช ขอทำงานให้เต็มที่ก่อน
ผมทำการกุศลขนาดนี้ เขารู้อยู่แล้วว่าผมไม่ทำอยู่แล้วและไม่ถามด้วย แต่ถ้าวันนี้ผมไม่ออกมาพูด ไม่แจ้งความ คนก็จะเข้าใจผมผิด ผมเลยต้องออกมาพูดครั้งสุดท้าย และปล่อยให้เป็นเรื่องคดีความ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ”.
แนวหน้า
สำนักข่าววิหคนิวส์