พรรคเพื่อไทย ชี้ขึ้นค่าแรงส่งผลกระทบตลาดแรงงานไทย กระทบต้นทุนภาคธุรกิจ ต่างประเทศชะลอการลงทุนในไทย
Inn – ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ คณะทำงานด้านสังคม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่านโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้มีทั้งฝ่ายที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ และส่งผลกระทบอย่างมากกับตลาดแรงงานไทย โดยกลุ่มผู้ใช้แรงงานเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงประมาณ 3.2 ล้านคน หรือเกือบร้อยละ 30 ของลูกจ้างเอกชนทั้งหมด ทำให้ผู้ใช้แรงงานมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีเงินทุนหมุนเวียนจากการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และรัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ในขณะที่นายจ้างจะเป็นผู้แบกรับภาระต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น
สำหรับภาพรวมของทั้งตลาดแรงงานไทย พบว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยร้อยละ 2.6 ในปี 2561 นี้ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 0.5 ของต้นทุนทั้งหมด ทั้งผลกระทบด้านการลงทุน เนื่องจากประเทศไทยยังจำเป็นต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศ เมื่อประเทศไทยมีค่าจ้างแรงงานสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายเท่าตัว จะส่งผลให้ต่างประเทศชะลอการลงทุนในไทย หรืออาจะเปลี่ยนการลงทุนไปยังประเทศอื่นที่ต้นทุนแรงงานต่ำกว่า นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบด้านแรงงานผิดกฎหมายจะไหลเข้าสู่ระบบมากขึ้น เมื่อค่าแรงขั้นต่ำของเราสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จะส่งผลให้มีแรงงานผิดกฎหมายหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น
ดังนั้น ส่วนตัวมองว่า รัฐควรนำระบบออนไลน์แอพพลิเคชั่นมาใช้ในการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว พร้อมทั้งควรมีหลากหลายภาษา เพื่อความสะดวกต่อผู้ใช้งานและเข้าถึงได้ง่าย ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และเป็นการกระตุ้นแรงงานต่างด้าวให้เข้าสู่ระบบมากขึ้น นอกจากนี้ รัฐควรสนับสนุนการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้เทคโนโลยีที่ประหยัดการใช้แรงงาน เพิ่มทักษะให้กับแรงงานให้มีสมรรถนะสอดคล้องกับความต้องการของตลาด จึงจะลดผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นได้กับหลายภาคส่วน
สำนักข่าววิหคนิวส์