“บิ๊กปู”ประกาศลั่นใครชุมนุมจับหมด ออกหมายเรียกล็อตสองอีก 32 คน คราวนี้“วีระ-บก.ลายจุด”โดนด้วย หลังจากก่อนหน้านี้แจ้งข้อหากลุ่ม”รังสิมันต์-จ่านิว”ไปแล้ว 7 คน เผยยังขึ้นบัญชีจ่อคิวกว่า 66 ราย พบส่วนใหญ่เป็นแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มปรากฏตัว ด้านผบ.ทบ.ลั่นใครฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดี แต่ยังมั่นใจไม่ลุกลามยังคุมสถานการณ์ได้
โดยเมื่อวันที่ 31 ม.ค.61 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ แถลงความคืบหน้าว่า พ.ต.ท.สมัคร ปัญญาวงค์ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) หัวหน้างานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมเพิ่มเติม รวม 39 คน ในความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ฐานร่วมกันชุมนุมในที่สาธารณะ ในรัศมี 150 เมตร จากวังของพระรัชทายาทหรือของพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่สมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พุทธศักราช 2558 มาตรา 7 วรรคแรก
โดยให้ทั้งหมดมาพบพนักงานสอบสวนในวันศุกร์ที่ 2 ก.พ.นี้ ซึ่งในจำนวนนี้มี 7 คน ที่ถูกออกหมายเรียกไปก่อนหน้าด้วย รวมเป็น 39 คน โดยมีรายชื่อดังนี้
1.นายรังสิมันต์ โรม แกนนำในการชุมนุม 2.นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำในการชุมนุม 3.นางสาวณัฏฐา มหัทนา แกนนำในการชุมนุม 4.นายอานนท์ นำภา แกนนำในการชุมนุม 5.นายเอกชัย หงส์กังวาน แกนนำในการชุมนุม 6.นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ แกนนำในการชุมนุม 7.นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล แกนนำในการชุมนุม 8.นายวีระ สมความคิด แกนนำในการชุมนุม 9.นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำในการชุมนุม 10.นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ แนวร่วมคนเสื้อแดง
11.นางมัทนา อัจจิมา แนวร่วมคนเสื้อแดง 12.น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ มารดาของนายสิรวิชญ์ 13.นายเอกศักดิ์ สุพรรณขันธ์ แนวร่วมคนเสื้อแดง 14.นางรักษิณี แก้ววัชระสังสี แนวร่วมคนเสื้อแดง 15.นางจุฑามาศ ทรงเสี่ยงไชย แนวร่วมคนเสื้อแดง 16.นางพรนิภา งามบาง แนวร่วมคนเสื้อแดง 17.นายกิตติธัช สุมาลย์นพ แนวร่วมกลุ่มนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 18.นางสุดสงวน สุธีสร นักวิชาการกลุ่มคนเสื้อแดง 19.นายกันต์ แสงทอง นักวิชาการ 20.นายนพพร นามเชียงใต้ แนวร่วมกลุ่มวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ
21.นายสุวัฒน์ ลิ้มสุวรรณ นักวิชาการอิสระ 22.นางกมลวรรณ หาสาลี คนเสื้อแดงพระราม 9 23.นางนัตยา ภานุทัต แนวร่วมคนเสื้อแดง 24.นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ ฉายา “ฟอร์ด เส้นทางสีแดง” 25.นางประนอม พูลทวี คนเสื้อแดงจังหวัดสมุทรปราการ 26.นายสงวน คุ้มรุ่งโรจน์ แนวร่วมคนเสื้อแดง 27. นายสุรศักดิ์ อัศวะเสนา แนวร่วมคนเสื้อแดง 28.นางพรวลัย ทวีธนวาณิชย์ แนวร่วมคนเสื้อแดง 29.นางสุวรรณา ตาลเหล็ก แนวร่วมคนเสื้อแดง 30.นางนภัสสร บุญรีย์ แนวร่วมคนเสื้อแดง
31.น.ส.อรัญญิกา จังหวะ นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 32.นายพรชัย ประทีปเทียนทอง แนวร่วมคนเสื้อแดง 33.นายวรัญชัย โชคชนะ แนวร่วมคนเสื้อแดง 34.นายนพเกล้า คงสุวรรณ แนวร่วมกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา 35.นายคุณภัทร คะชะนา แนวร่วมกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย 36.นายสามารถ เตชะธีรรัตน์ แนวร่วมกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย 37.น.ส.อ้อมทิพย์ เกิดผลานนท์ แนวร่วมกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยแนวร่วมคนเสื้อแดง 38.นายวราวุธ ฐานังกรณ์ แนวร่วมกลุ่มฟื้นฟู ประชาธิปไตย และ 39.นายเดชรัตน์ สุขกำเนิด นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สำหรับ 39 คนที่ถูกออกหมายเรียกรอบสองนี้ มี 7 คนที่ถูกออกหมายเรียกในล๊อตแรกคือ 1.นายรังสิมันต์ โรม 2.นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว 3.น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา 4.นายอานนท์ นำภา 5.นายเอกชัย หงส์กังวาน 6.นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ และ 7.นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ตามคำสั่ง คสช.ที่3/2558เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและการรักษาความมั่นคงของชาติ
แต่ที่น่าสนใจคือในรายชื่อล็อตสองนี้มีชื่อนายวีระ สมความคิด และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด รวมอยู่ด้วย และยิ่งไปกว่านั้นในจำนวน 39 คน ปรากฏชัดเจนว่ามีส่วนหนึ่งเป็นแนวร่วมคนเสื้อแดงเริ่มแสดงตนออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยังกล่าวอีกว่า นอกเหนือจาก 39 รายนี้แล้ว การรวบรวมพยานหลักฐานของชุดสืบสวนสอบสวน ที่ติดตามผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ไปหลายจุด มากว่า 6 – 7 ท้องที่ พบว่า ยังมีผู้เข้าข่ายร่วมชุมนุม ปรากฎตามหลักฐานของเจ้าหน้าที่ ทั้งภาพเคลื่อนไหว ภาพถ่าย การถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 66 คน กำลังพิสูจน์ทราบตัวบุคคล หากทราบตัวว่าเป็นใครชื่ออะไร มีข้อมูลเลขประจำตัวประชาชน ก็จะออกหมายเรียก แต่หากไม่สามารถออกหมายเรียกได้ก็ต้องออกหมายจับต่อไป
“ทั้ง 39 คน ต้องพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกในวันศุกร์นี้หากไม่มาพบก็พิจารณาออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หากขัดหมายเรียกก็ขอศาลอนุมัติหมายจับได้ ทั้งนี้ ใครที่ร่วมชุมนุม แล้วทำผิดกฎหมาย ต้องดำเนินคดีทุกคน ไม่เว้นไม่ว่าจะเป็นแกนนำหรือแนวร่วมเอาหมด ซึ่งกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมนี้หากมีความผิดอื่นเพิ่มเติมก็แจ้งข้อหาเพิ่ม ถ้ายังมาชุมนุมอีกแบบผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีอีก ต่างกรรมต่างวาระ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวย้ำ
รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า เรื่องการจัดกิจกรรมสามารถทำได้ เดินผ่านเฉยๆ ก็ได้ในบริเวณนี้ แต่ถ้ามารวมตัวกันมีการพูดจาปราศรัย ทางการเมือง ที่เข้าลักษณะชุมนุมทางการเมือง แบบนี้ทำไม่ได้อยู่แล้ว คนไทยเรารู้อยู่แล้วว่าอะไรคือการชุมนุมอะไรไม่ใช่ เพราะฉะนั้นหากทำอีกก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ละเว้นไม่ดำเนินคดีไม่ได้ ไม่ได้เป็นการขึงขังเกิดไป ส่วนจะกลายเป็นชนวนจุดติด สร้างความขัดแย้งรุนแรงทางการเมืองหรือไม่ ตนไม่ทราบ ตนเพียงทำตามกฎหมาย ยึดตามคำสั่ง คสช.
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการที่กลุ่มต่างๆออกมาเคลื่อนไหว ว่า ฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดบังคับใช้กฎหมาย เพราะเกรงว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรง และนำพาบ้านเมืองกลับไปสู่สถานการณ์เดิม เพราะประเทศเราเคยมีบทเรียนที่เจ็บปวด มีความสูญเสียในอดีต โดยตนกำชับฝ่ายความมั่นคงให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า เพราะจะก่อให้เกิดปัญหาบานปลาย และเกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีนี้เรามีการพูดคุยกันตลอดเวลา แต่บางคนมีความคิดว่าเชื่อที่แตกต่างกัน ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ส่วนจะเป็นผลจาก คสช.อยู่ในช่วงขาลง และกองหนุนลดลงหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่เกี่ยวกันโดยตรง อาจเป็นเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง และความต้องการของประชาชนบางส่วนที่ต้องการเลือกตั้งตามกรอบ และอยากให้เลือกตั้งเร็วขึ้น ขอย้ำว่าทุกอย่างเป็นตามตามกระบวนการกฎหมาย เป็นเรื่องที่ทุกคนทราบดี ตนเชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างก็เดินหน้าต่อไป ดังนั้นการเรียกร้อง และการชุมนุมสามารถแสดงออกได้ แต่อะไรที่ขัดเจตนารมณ์กฎหมายก็ต้องถูกดำเนินการ
เมื่อถามอีกว่า กลุ่มเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มหน้าเดิมที่เคยถูกดำเนินคดีหลายครั้ง จะมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ คิดว่าจะมีความชัดเจนในอนาคต แต่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข เพื่อประกอบอาชีพได้ตามปกติ บางสิ่งบางอย่างอาจไม่ได้ตามที่ใจปรารถนา แต่ถ้าพยายามเรียกร้องให้ได้ตามที่ปรารถนา แล้วเกิดผลกระทบในวงกว้าง เกิดการบาดเจ็บและสูญเสีย ตนคิดว่าเป็นเรื่องไม่บังควร
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ปัจจุบันมีข้อเสนอให้กองทัพอยู่ข้างประชาชน แยกออกจาก คสช. ทางเลขาธิการคสช. กล่าวว่า ปกติกองทัพไม่ใช่ว่าสนับสนุนใคร หรือไม่ได้สนับสนุนใคร แต่กองทัพเป็นกลไกในการบริหารราชการของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย อาจมีบางครั้งที่มีปัญหา กองทัพก็ออกมาแก้ไขปัญหา เช่นวิกฤตการเมือง หากปล่อยไว้จะเป็นความเสียหายของชาติบ้านเมือง
“ปัจจุบันรัฐบาลพยายามวางรากฐานของประเทศ ผมคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลทำจะสัมฤทธิ์ผลในอนาคตแต่ต้องใช้เวลาบ้าง จนทำให้บางคนพอใจ บางคนไม่พอใจ ก็ออกมาเคลื่อนไหว แต่ผมคิดว่าถ้ารออีกสักนิด โดยที่ไม่เร่งรัดเกินไป จนก่อให้เกิดผลกระทบเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง นำไปสู่ความสูญเสีย มันจะดีกว่าไหม” ผบ.ทบ. กล่าว
เมื่อถามอีกว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ทหารจะออกมาจัดการให้เบ็ดเสร็จเหมือนปี 2557 พล.อ.เฉลิมชัย ย้อนถามว่า คำว่าเหมือนปี 2557 คืออย่างไร ต้องแยกกัน เพราะปกติกลไกของรัฐใช้กฎหมายปกติ การที่ทหารออกมาแก้ไขปัญหาก็เพราะเป็นวิกฤตของชาติ แต่ปัจจุบันมันไม่มีอะไร มีแค่คนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องที่ทหารต้องออกมา หรือไม่ออกมา
ผู้สื่อข่าวยังถามอีกว่า การที่กลุ่มเหล่าอีกเคลื่อนไหวให้มีการเลือกตั้งจะเป็นวิกฤตได้อย่างไร พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า สิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ และอธิบายให้สังคมฟังว่าสิ่งที่รัฐบาลทำคืออะไร แล้วเราก็มาชั่งใจว่าจะออกมาเผชิญหน้าให้บ้านเมืองเสียหายเหมือนในอดีตหรือไม่ หรือจะรออีกสักนิดเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าได้ แล้วไม่เกิดผลกระทบต่อประชาชน
ส่วนที่มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ สวนทางกับ พ.ร.บ.ชุมนุม ในพื้นที่สาธารณะ พ.ศ.2558 และคำสั่งคสช.ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า จะมองประเด็นสิทธิเสรีภาพอย่างเดียวไม่ได้ ตนบอกแล้วว่าแสดงความคิดเห็นได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย หากเกินกรอบกฎหมายเราต้องใช้กฎหมายปกติดำเนินการ และผู้ที่รับผิดชอบการชุมนุม หรือกลุ่มม็อบต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินการของตนเอง เพราะก็ทราบดีว่าเรามีกฎหมายชุมนุม และกฎหมายต่างๆ อยู่
เมื่อถามอีกว่าถึงเวลาหรือยังที่กองทัพต้องใช้ยาแรงก่อนสถานการณ์จะบานปลาย พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า สถานการณ์ยังไม่บานปลาย เพราะเชื่อว่าจะอยู่แค่นี้ เป็นเพียงการเรียกร้องของคนกลุ่มหนึ่ง แต่คนส่วนใหญ่ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข ทำมาหากิน
เมื่อถามว่า กลุ่มการเมืองที่เสียประโยชน์เข้าไปเคลื่อนไหว จะเป็นการเคลื่อนไหวใหญ่หรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า “คงไม่มั้ง เพราะยังไม่มีอะไรเสียประโยชน์ เวลาที่เพิ่มขึ้นมา 90 วัน ตามร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทุกคนมีเวลาเท่ากัน ไม่มีใครเสียประโยชน์ ผมคิดว่าพรรคการเมืองเข้าใจอยู่แล้วว่าทำอะไรได้มาแค่ไหน ส่วนคนที่เคลื่อนไหวเป็นแค่การแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองเท่านั้นเอง ผมมั่นใจว่าไม่มีอะไร และจะพยายามควบคุมสถานการณ์ให้ได้”
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ไม่สามารถชุมนุมใกล้เขตพระราชฐานได้ในระยะ150 เมตร ต่อให้มีการขออนุญาตเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการชุมนุมของกลุ่มดังกล่าวถือว่าผิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนอธิบายข้อกฎหมายได้เช่นนั้น แต่ถ้าสื่อจะสรุปอย่างไรให้สรุปเอาเอง อย่างไรก็ตาม ที่ชุมนุมมีตั้งร้อยแปดพันเก้าก็ไปเลือกเอาที่อื่นซึ่งมีตั้งเยอะตั้งแยะ
Cr.naewna
สำนักข่าววิหคนิวส์