19 กุมภาพันธ์ 2561นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ อาจารย์คณะสื่อดิจิตอลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม และอาจารย์แนะแนวมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้กล่าวว่า และบรรณาธิการบริการ/ผู้อำนวยการ นิตยสารและรายการทีวี CEO THAILAND วิเคราะห์การทำงานของตำรวจ และผบ.ตร.กรณีหวย 30 ล้านบาท….
“วันนี้ผมในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่ง รวมทั้งคนที่อาสาทำงานเพื่อสังคม ดังนั้นกรณีหวย 30 ล้านบาท ที่กำลังเป็นข่าวดังกระหน่ำทำโซเชียลอยู่ทุกวัน มันยิ่งกว่าซีรีรสเกาหลีเสียอีก เพราะทำเองคนในสังคม เฝ้าติดตามและเกิดข้อโตเถียงในสังคมบางครั้งถึงขนาดต้องเลือกข้างเชียร์ ผมคือคนๆหนึ่งที่เคยโพสต์เรื่องหวยเป็นหลายครั้ง
ว่าผมเชื่อด้วยบริสุทธิ์ว่า หวยเป็นของฝั่งคุณครูปรีชา แต่หลังจากคดีขึ้นศาล ผมก็หยุดวิพากษ์วิจารณ์ทันทีปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าพิสูจน์หาเจ้าของหวย เอง และผมอยากให้ทุกคนปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อไป
แต่ล่าสุดผมได้รับการร้องขอจากทนายฝ่ายครูปรีชาหลายปาก ในการเรียกพยานฝั่งครูปรีชาให้ปากคำ ดังนั้นในฐานะคนเมืองกาญจน์ และคนที่ติดตามข่าวสารนี้มาตลอด ผมขอวิเคราะห์ถึงความไม่สบายใจในพยานปากสำคัญๆและครูปรีชา ใคร่ครวญ ดังนี้
1.ฝ่ายครูรู้สึกไม่สบายใจในคำพูดของท่านผบ.ตร.พล.ต.อ.จักรทิพ ชัยจินดา ที่สัมภาษณ์ออกมาว่ามีขบวนการตกหวย เมื่อท่านเป็นกรรมการ ท่านไม่ควรลงมาเป็นพี่เลี้ยงนักมวยเสียเอง
2. การทำงานของกองปราบปราม และตำรวจสอบสวนกลางที่มุ่งเน้นไปที่ฝ่ายพยานครูปรีชา และพยานเริ่มถอดใจเริ่มกลับคำให้การ ทั้งๆที่ไม่มีการกดดันฝ่ายหมวดจรูญเลย และครูปรีชาระบุว่า กองปราบเคยเรียกสอบไปแล้ว และที่สำคัญธรรมชาติของตำรวจภูธรและตำรวจส่วนกลาง ผลสอบหรือการสรุปคดีมักจะไม่ตรงกันเสมอ
3.ตอนนี้กำลังมีการเร่งรัดคดีอาญา ให้โยงเข้ากับคดีทางแพ่งที่ขึ้นศาลแพ่งอยู่และน่าจะจบภายในเวลา 4 เดือน ดังนั้นแนวทางการต่อสู้ของฝ่ายหมวดจรูญ จะต้องทำทุกอย่างไม่ให้คดีแพ่งจบเร็วจะต้องโยงเข้ากับคดีอาญา เพราะว่า หากคดีแพ่งครูปรีชาชนะด้วยหลักฐานก็สามารถเอาเงินไปใช้ได้แต่คดีอาญาต้องสู้กันอีกอย่างน้อย 5 ปี
นี่คือสิ่งที่ครูปรีชาและพยานระบุว่าเขาไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมหรือเท่าเทียมกันจากตำรวจกองปราบและผบ.ตร.ครับ”
สำนักข่าววิหคนิวส์