“เปรมชัย”ส่อชะตาขาด! สะพัดอุทยานฯได้ผล “ดีเอ็นเอ” งาช้าง เบื้องต้นยืนยันไม่ใช่ช้างไทย รอแค่ผลสอบอย่างละเอียดใช่ช้างแอฟริกาหรือไม่ ถ้าใช่มีสิทธิโดนข้อหาหนัก “ค้างาช้างชาติ”
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ naewna พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยกรณีหลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวก ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี โดย พล.อ.สุรศักดิ์ ยืนยันว่า จะติดตามคดีนี้อย่างถึงที่สุด ไม่มีการเบี่ยงเบนประเด็น หรือให้การช่วยเหลือ นายเปรมชัย และพวกอย่างเด็ดขาด ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นในศาล
“บิ๊กเต่า”โบ้ยคิดกันไปเองช่วยเปรมชัย
ส่วนกรณีที่นักวิชาการและองค์กรพัฒนาเอกชนหรือเอ็นจีโอมองว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐคอยช่วยเหลือคดีนายเปรมชัยนั้น รมว.ทส.กล่าวว่า เป็นการคิดกันไปเอง ขณะนี้คดีการล่าสัตว์ป่าของนายเปรมชัยยังไม่เบี่ยงเบนประเด็นไปจากฐานความผิดทั้ง 9 คดี พยานหลักฐาน เอกสารต่างๆ มีพร้อม ที่สำคัญต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม โดยในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการติดตามคดีที่มี นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธาน และ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นที่ปรึกษา มาร่วมประชุมกันเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี
“บิ๊กตู่”โวยสังคมชอบตัดสินคนไปก่อน
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ปรารภต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันเดียวกันนี้ว่า สังคมปัจจุบันมักตัดสินคนกันไปก่อน เช่น ข้อเปรียบเทียบกรณีล่าเสือดำของ นายเปรมชัย ที่ยังไม่ติดคุก กับกรณีชำแหละหมีที่คนจับติดคุกทันที ทำให้สังคมเชื่อว่ารัฐบาลหลายมาตรฐาน
อ้างเปรมชัยยังไม่สารภาพ-คนรวยก็ติดคุกได้
“นายกฯบอกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสังคม จึงวิงวอนสื่อมวลชนร่วมกันชี้แจงทำความเข้าใจในข้อกฎหมายว่าเป็นอย่างไร อย่างกรณีชำแหละหมี ผู้ต้องหามีการรับสารภาพว่าทำจริง แต่กรณีนายเปรมชัย ไม่ได้มีการรับสารภาพ สิ่งที่ต้องทำก็คือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ผลการสอบสวนออกมาอย่างไร ผิดก็คือติดคุก ไม่ใช่คนจนจะติดคุกเลย แล้วคนรวยไม่ติดคุก มันไม่ใช่” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
“ศรีวราห์”ยันไม่เกิน24มี.ค.ชงอัยการฟ้อง
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้ากว่า 80% ไม่มีความล่าช้า ไม่มีใครถ่วงเวลา และหากในวันที่ 5 มีนาคม นายเปรมชัย ไม่มารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ก็จะรายงานไปยังศาลเพื่อให้พิจารณาถอนประกันตัว และสั่งการให้ออกหมายจับด้วย รวมทั้งคาดว่า จะส่งสำนวนให้อัยการได้ก่อนครบกำหนดฝากขังที่ 4 ในวันที่ 24 มีนาคม มี.ค.61 การสอบปากคำผู้ต้องหาได้ไม่ได้ก็ชั่ง จะดำเนินการจากพยานหลักฐานต่างๆที่ชัดเจนดำเนินคดีไป เพราะคำรับผู้ต้องหาฟังไม่ได้อยู่แล้ว
ไล่สังคมอยากไปฟ้องศาลพระภูมิก็ไปเอง
“ส่วนที่มีการออกว่าวิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอเรียนว่าตำรวจทำสำนวนฟ้องศาลสถิตยุติธรรม ส่วนกระแสสังคมจะไปฟ้องศาลพระภูมิ ก็เป็นเรื่องของกระแสสังคม กระแสสังคมไม่มีในกฎหมาย” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รอง ผบก. ปปป. กล่าวว่า ตามที่ บก.ปปป. ได้รับการร้องทุกข์จาก นายวิเชียร ชิณวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก กรณี นายเปรมชัย เสนอสินบนให้เจ้าหน้าที่ เพื่อแลกการปล่อยตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของผู้กล่าวหา
ปปป.ชี้ไม่มีเสียงเปรมชัยในคลิปสินบน
ส่วนกรณีคลิปเสียงที่มีกระแสข่าวออกไป เป็นความเข้าใจผิดของสื่อ โดยคลิปเสียงดังกล่าวเป็นการคุยกันระหว่าง นายยงค์ โดดเครือ กับเจ้าพนักงานป่าไม้ชื่อ นายกิตติ และไม่พบว่ามีเสียงนายเปรมชัย ขณะที่ในการสอบปากคำวันแรกที่มีการกล่าวหา พบว่า ได้มีการลบคลิปเสียงออกจากโทรศัพท์แล้ว ดังนั้นไม่มีการพูดคุยระหว่างนายวิเชียรและนายเปรมชัย
“แต่ถ้าได้ลงไปสอบในพื้นที่แล้วนายวิเชียร อาจมีคลิปกรณีนี้จริง ก็จะเอาไว้เป็นพยานหลักฐานในคดีต่อไป ขณะนี้ในคดีติดสินบนเจ้าหน้าที่ เรามีเฉพาะพยานบุคคล แต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่มี จากนี้เมื่อมีการสอบปากคำผู้กล่าวหาในวันที่ 8 มีนาคม จากนั้นจะมีการประชุมในวันที่ 12 มีนาคม เพื่อสรุปว่าจะเรียกนายเปรมชัย มารับทราบข้อกล่าวหาได้หรือไม่” รอง ผบก.ปปป. กล่าว
หึ่ง!ผลดีเอ็นเอ“งา”ยืนยันไม่ใช่ช้างไทย
วันเดียวกัน มีรายงานข่าว จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบงาช้างจำนวน 4 กิ่ง หรือ 2 คู่ ที่พบในบ้านของ นายเปรมชัย ว่า เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯได้ดำเนินการตรวจสอบ (ดีเอ็นเอ) ของงาช้างดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นผลการตรวจสอบเป็นที่แน่นอนว่า งาช้างดังกล่าวไม่ใช่ช้างไทยอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นช้างแอฟริกาหรือช้างเอเชียประเทศอื่นๆในเอเชียนั้น จะต้องรอผลการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยกรมอุทยานแห่งชาติฯจะมีการแถลงให้เกิดความชัดเจนเร็วๆ นี้
“เปรมชัย”เสี่ยงคุกค้างาช้างข้ามชาติ
รายงานข่าวระบุอีกว่า อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาลักษณะภายนอกของงาช้างทั้ง 2 คู่ดังกล่าว ค่อนข้างมีลักษณะคล้ายกับงาช้างแอฟริกาทั้ง 2 คู่ ซึ่งหากผลการตรวจสอบดีเอ็นเอได้ผลสรุปที่ชี้ลงไปได้อย่างชัดเจนว่า เป็นงาช้างแอฟริกา และ นายเปรมชัย ไม่สามารถชี้แจงได้ว่าได้งาช้างทั้ง 2 คู่มาด้วยวิธีใด ก็อาจทำให้ นายเปรมชัย เสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดีฐานค้างาช้างข้ามชาติได้ เพราะตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ที่มีการปรับปรุงแก้ไขเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา ได้กำหนดให้ช้างแอฟริกาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง รวมทั้งห้ามการครอบครองซื้อขายงาช้างแอฟริกาอย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธ์ (ไซเตส) ในการสกัดกั้นสถานการณ์ความรุนแรงของขบวนการค้างาช้างข้ามประเทศ โดยหลังจากนี้หากมีความชัดเจนก็จะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
สำนักข่าววิหคนิวส์