หลายๆท่านที่มีความเชื่อเรื่องโชคลาภ หรือ สิ่งที่มองไม่เห็น อาจจะมีความเชื่อมากมายและแตกต่างกันไป ตามวัฒนธรรมตามท้องถิ่น
แต่ตามตำราไทยโบราณนั้น 8 สิ่งอัปมงคลเหล่านี้ ไม่ควรมีอยู่ในบ้าน เพราะความหมายของสิ่งเหล่านี้มัน ฟังแล้วดูแย่ จะมีอะไรบ้างไปดูกันจ้า
1. นาฬิกาตาย
ในทางฮวงจุ้ยบอกเอาไว้ว่า ไม่ควรเก็บสิ่งของที่พังเสียหายเอาไว้ในบ้าน โดยเฉพาะนาฬิกาที่ตายแล้ว เพราะมันจะสื่อถึงการเสียชีวิต และอาจจะนำมาซึ่งการสูญเสียภายในบ้าน ถ้าไม่อยากโยนทิ้งก็รีบซ่อมซะ
2. ประตูสีดำ
แม้เทรนด์การแต่งบ้านด้วยประตูสีดำกำลังมาแรง แต่ในทางฮวงจุ้ยมันกลับหมายถึงประตูที่จะนำพามาซึ่งความโชคร้าย เป็นประตูที่คอยเปิดต้อนรับสิ่งไม่ดีให้เข้ามาในบ้าน ยกเว้นถ้าหน้าประตูบ้านหันไปทางทิศเหนือพอดิบพอดี ก็ไม่มีปัญหาอะไรที่น่ากังวล
3. กระจกแตก
กระจกเป็นของใช้ที่จำเป็นชิ้นหนึ่งในบ้านเลยก็ว่าได้ แต่ใถ้าเป็นกระจกแตก จะสื่อความหมายในทางลบ โดยมีความเชื่อกันมาว่าจะทำให้คนในบ้านเจ็บไข้ได้ป่วยและล้มตายได้
4. ปฏิทินเก่า
ข้อนี้ไม่ได้หมายความถึงปฏิทินเก่าเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงปฏิทินที่แสดงวัน เดือน และปี ที่ผิดไปจากปัจจุบันอีกด้วย เป็นการสะท้อนถึงเหตุการณ์ที่ผ่าน ๆ มาในอดีต ทำให้เกิดผลกระทบในทางลบกับชีวิตของคนในบ้าน
5. จาน-ชาม บิ่นหรือแตก
ต่อให้เสียดายแค่ไหนก็ควรโยนทิ้ง เพราะการเก็บจาน-ชามที่แตกหรือชำรุดเสียหายเหล่านี้เอาไว้ในบ้านหรือกลับนำมาใช้งาน เท่ากับว่าเป็นการตอกย้ำและสะกดจิตใต้สำนึกของเราให้เปิดรับแต่เรื่องแย่ ๆ เข้ามาในชีวิตและบ้านของเราเอง
6. ต้นไม้มีหนาม
ต้นไม้มีหนามอย่าง ต้นไม้ตระกูลกระบองเพชรและพืชชนิดอื่น ๆ ยกเว้นกุหลาบนั้น ไม่ควรนำมาปลูกเอาไว้ในบ้าน หรือนำมาประดับตกแต่งภายในบ้านโดยเด็ดขาด เพราะตามหลักฮวงจุ้ยถือว่าต้นไม้เหล่านี้นำมาซึ่งพลังงานด้านลบและความโชคร้าย
7. ต้นไม้ที่ตายแล้ว
หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลามากพอที่จะดูแลต้นไม้ก็ไม่ควรเลี้ยง เพราะถ้าปล่อยให้มันเหี่ยวแห้ง ขาดน้ำ และยืนต้นตายอยู่ภายในบ้าน ก็เท่ากับว่าเป็นการเปิดทางให้สิ่งไม่ดีและความโชคร้ายก้าวเข้ามาในชีวิต
8. ผนังสีเขียว
หลายคนอาจจะตกใจว่า สีเขียวเป็นสีธรรมชาติจะมีความหมายถึงสิ่งอัปมงคลได้อย่างไร ซึ่งต้องเท้าความไปในอดีตที่มีการนำสารหนูมาทาผนังให้เป็นสีเขียวและเมื่อผนังเริ่มแห้ง สารที่ทาไปจะปล่อยก๊าซพิษออกมาเพื่อฆ่าคน ดังนั้นจึงเกิดความเชื่อที่ว่าผนังสีเขียวเป็นผนังอัปมงคลนั่นเอง
ขอบคุณบทความ pf-variety
สำนักข่าววิหคนิวส์