ประธานบอย หรือนายธนาพิพัฒน์ ชัยธนาธนธัต โพสในกลุ่มเพจเฟสบุ้คส่วนตัว ว่า
ในวันนี้ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ (คดีต่อเนื่องมา จากกรณี จนท.รัฐอ้าง มาตรา ๔๔ คสช. หลายสิบนายบุกบ้านผมยามวิกาล)
ว่า ขณะนี้ที่ศาลแขวงจังหวัดลำปาง ในคดีหนึ่งที่ตนตกเป็นจำเลย คดีหมิ่นประมาทฯ ได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องผมในฐานะจำเลย ตามที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องผมแทนผู้เสียหายกับพวก ฟ้องผมในคดีแรกที่เกี่ยวเนื่องกันมา ในข้อหาแรก คือ คดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาฯ กับศาลแขวงฯ โดยเป็นที่ยุติตามระเบียบทั่วไปของระบบกฎหมายที่ใช้โดยทั่วกัน คือกรณีอุทธรณ์ยืนคำพิพากษาตามศาลชั้นต้นคดีในศาลแขวงฯ มักจะถือว่ายุติ และมีคำวินิจฉัยเป็นที่สิ้นสุด ต่างจากกรณีศาลจังหวัดฯที่จะต้องมีการยื่นฏีกาต่อไปเพื่อขอความเห็นศาลฏีกาแล้วค่อยยุติเป็นที่สุดที่ชั้นศาลฏีกา จึงจะถือว่าจบครบทุกศาลถึงจะเป็นที่สิ้นสุด เท่านั้น ( ข้อมูลจากนักกฎหมาย และทนายความฯ แจ้งผมมาให้ทราบ )
คดีนี้ผมสู้และสิ้นสุดชนะทั้งอาญา และแพ่งต่อเนื่องอาญาด้วยทั้งสองความ และศาลสูงได้ตัดสินเป็นที่สิ้นสุด เพราะผมรู้ว่าผมไม่ได้รังแกหรือกระทำความผิดใดๆกับใครก่อน อีกทั้งผมใช้สิทธิตามกฎหมายมาโดยตลอดที่รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดบัญญัติไว้ ในวันนี้ผมจึงได้เรียนรู้อะไรมากมายในคดีนี้ว่าความรู้ด้านกฎหมายที่ควรใช้ให้ถูกต้องนั้น วันนึงสามารถนำมาใช้ต่อสู้ตามสิทธิของตน และเป็นประโยชน์จากการได้นำการเรียนรู้นั้นมาเป็นสาระสำคัญให้คดีความอาญาฯนี้ชนะได้จริงๆ
คดีนี้ โจทก์กับพวกอ้างว่าไปคัดเอกสารได้มาจาก จนท.รัฐฯที่อำเภอฯ โดย จนท.ทหาร ยุยงว่าได้มาจากการตรวจยึดในบ้านผมว่าพาดพิงผู้อื่น ให้ไปคัดเอกสารออกไปเพื่อมาฟ้องคดีอาญากับผมผม แต่สุดท้ายทางอำเภอฯทำหนังสือตั้งคณะฯสอบสวน ตอบหนังสืออ้างว่าไม่ทราบเรื่อง ผมจึงร้องดำเนินคดีต่อเนื่องยกชุดที่ใช้สิทธิฟ้องไม่สุจริตกับผมในคดีอาญาฯ เพื่อส่อจะเปิดให้เป็นคดีไปสอดรับกับคดีอื่นๆให้ง่ายต่อการเล่นงานผมให้ไม่ได้ผุดได้เกิด หรือไม่ เป็นการตั้งคำถามจากสังคม ที่มักถามให้ผมไม่สบายใจกับการรุมกระทำผมถึงขนาดนี้
คดีนี้ พนักงานสอบสวนนำผมเข้าพิมพ์นิ้วมือ ในห้องขัง โดยอ้างว่าให้ผมให้การเถอะ เพราะไงก็ไม่เข้าองค์ประกอบส่งฟ้องได้หรอก แต่ต่อมากลับมีความเห็นควรสั่งฟ้องผมต่ออัยการ
คดีนี้พนักงานอัยการรับตัวผมเพียงวันเดียว ก็โทรมาตามให้เตรียมหลักทรัพย์ประกันตัว เพราะจะนำตัวผมนำส่งต่อศาลในวันถัดไปให้ได้เพียงแค่วันเดียว โดยไม่มีโอกาสให้ผมได้ขอใช้สิทธิขอความเป็นธรรมตามระเบียบอัยการสูงสุดได้เลย
แต่ เมื่ออัยการได้นำตัวผมส่งถึงศาล ท่านเมตตาไม่ต้องให้ผมใช้หลักทรัพย์ เพียงต้องสาบานตนเพื่อขอประกันตัวได้ เพราะพฤติกรรม และลักษณะไม่ใช่เป็นผู้หลบหนี และมีคดีความทางอาญาใดๆมาก่อน
โดยเมื่อขณะต่อสู้คดี ผมต้องเสียโอกาสมากมายทางธุรกิจ การเดินทาง ค่าทนาย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมถึงสิทธิทางสังคมที่มักร่วมพิพากษาคนไปนอกศาลก่อนกันเสียแล้ว ให้เป็นที่น่าอับอายขายหน้า ก่อนสิ้นสุดคดีได้ตามความยุติธรรมในศาลเท่านั้น และเพราะการที่ผมต้องมอบตัว ทั้งต้องพิมพ์นิ้วมือ ใส่กุญแจมือทุกครั้ง โดยมี จนท.ตร.ศาลคุมตัวถือกระบองอยู่ข้างกาย เพื่อยืนรออ่าน และฟังคำพิพากษาในทุกศาลจนกว่าจะสิ้นสุดแล้วมาได้ในวันนี้
และ สุดท้ายที่ผมจะบอกทุกท่าน คือวันนี้ที่ผมได้เรียนรู้ ต่อสู้เองด้วยตนเองมาเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน ว่าระบบกล่าวหาไทยนั้น ไม่ใช่การมาร่วมกันตั้งคำถามว่ามันใช่หรือไม่ เพียงแต่พวกคุณควรเรียนรุ้ในสิ่งที่ผมและคนดีๆหลายๆคนพยายามสื่อให้เห็นจริงๆ ว่าการต่อสู้ที่ดี คือเมื่อเกิดการถูกคุกคามละเมิด และควรใช้สิทธิฟ้องร้องตามกฎหมายนั้น สำคัญกว่าในการใช้ชีวิตให้รอดพ้นสังคมที่เลวร้ายได้เช่นไร เท่านั้นเอง
ผมชนะแล้วนะครับ ไม่ใช่ชนะใคร ผมแค่ชนะใจตนที่แกร่ง และจริงมากพอเท่านั้นเอง ผมไม่ผิด ใครไม่ผิด จงสู้ อย่ากลัวใจตนมากมายเกินไปนัก อย่างไรฎหมายก็คือกฎหมาย เท่านั้นเองครับที่ผมจะบอก ในวันนี้
ขอบคุณครับกระบวนการยุติธรรม ขอบคุณครับ ศาลยุติธรรม.
และผมจะตั้งมั่นในกฎหมาย และใช้สิทธิอันชอบธรรมเสมอ ตลอดไปเช่นกันครับ………ประธานบอย.
ปธ.บอย กล่าวทิ้วท้ายอีกว่า ส่วนคดีอื่นๆที่มีอยู่ที่ตนฟ้องคดีไว้กับบุคคล และนิติบุคคล ทนายดัง พิธีกรดัง ไม่เว้นแม้แต่นามสกุลดังเจ้าของสื่อช่องสถานี หรือ ห้างดัง(คดีแมลงสาบ 9 ล้าน) ถือเป็นตระกูลมีชื่อมหาเศรษฐีของไทย ผมก็นำชื่อเข้าไปชั้นจำเลยแล้วผมก็ให้จับมาพิมพ์ลายนิ้วมือไว้แล้วด้วย เช่นกัน ก็คงต้องมาสู้คดีกับผม เพราะผมถูกละเมิดก่อน จึงขอใช้สิทธิตามกฎหมายต่อสู้ให้สุดกับพวกเขาทั้งหลายด้วยอีก เช่นกันครับ
สำนักข่าววิหคนิวส์