มีรายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มไลน์คณะพระสงฆ์ได้ส่งต่อข้อความที่ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนายหนึ่งโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับคดีเงินทอนวัดถึง 2 ครั้ง โดยอ้างว่าการจับกุมล็อต4 มี 3 วัดดังร่วมอยู่ด้วยนั้น
ล่าสุดจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับแหล่งข่าวของดีเอสไอชี้แจงว่าข้อความดังกล่าวเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็น ไม่ได้เกี่ยวกับดีเอสไอแต่อย่างใด เนื่องจากคดีอยู่ในความดูแลของตำรวจ บก.ปปป. และยังมีรายงานข่าวว่าทางกองปราบได้เชิญตัวเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไปสอบสวนแล้ว จ่อดำเนินคดีฐานยุยงปลุกปั่นอีกด้วย
สำหรับการตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัดลอต 4 ขณะนี้ตำรวจ บก.ปปป. เน้นวัดที่ได้งบเกิน 1 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงปี 2554-2559 ขณะนี้ตรวจสอบไปแล้วกว่า 100 วัด พบการทุจริตเงินทอนวัดประมาณ 30 วัด เป็นวัดทางภาคกลางและภาคเหนือ ส่วนวัดอื่นๆ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน หากมีพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์จะส่งให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เดินทางมาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ทันที.
ขณะที่ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อขอข้อมูลวัดที่มีการวางระบบเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัด ระบุว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีความประสงค์จะขอข้อมูลจากวัดทั่วประเทศ ที่มีการวางระบบเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัด กรณีที่พระภิกษุสงฆ์ มิต้องถือเงินสด แต่จะนำเงินเข้าบัญชีส่วนกลางของวัดทันทีเมื่อได้รับ
ในการนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดดำเนินการสำรวจข้อมูลโดยด่วน หากพบว่าวัดใดในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด มีการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น ขอให้ทำการสัมภาษณ์เกี่ยวกับขั้นตอน และวิธีการดำเนินการ โดยให้บันทึกเป็นวีดีโอ พร้อมสรุปข้อมูลขั้นตอนและวิธีการดำเนินการ และส่งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายในวันที่ 11 มิ.ย. ทั้งนี้ หากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดใด ได้ดำเนินการสำรวจทั้งพื้นที่แล้ว ไม่ปรากฎว่ามีวัดที่ดำเนินการดังกล่าว ขอให้มีหนังสือแจ้งให้ทราบด้วย
สำนักข่าววิหคนิวส์