วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่าตามที่เกิดวิกฤตการณ์ปัญหาการแพร่กระจายของ “ฝุ่นพิษ” เกินมาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ ลบ.ม.ครอบคลุมพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัดมาอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์ และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงหรือหายไปได้ โดยที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรียังไม่กล้าตัดสินใจในการใช้มาตรการที่เด็ดขาด ตามมาตรา 9 แห่ง พรบ.สิ่งแวดล้อม 2535 ได้
เหตุดังกล่าวขณะนี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบและเป็นภยันตรายต่อสาธารณชนอย่างรุนแรงและกว้างขวาง หลายคนต้องเจ็บป่วย เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ ตาอักเสบ ฯลฯ ต้องเสียเงินเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าจัดซื้อจัดหาหน้ากากอนามัยมาป้องกันตัวมากมาย รวมทั้งบริษัทห้างร้านหลายแห่งต้องสั่งหยุดงาน สถานศึกษาต้องปิดชั่วคราว ฯลฯ
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามาตรการแก้ไขปัญหาของนายกรัฐมนตรีกลับเป็นวิธีการที่เบาหวิว ไม่มีประสิทธิผลที่จะเป็นการแสดงออกถึงการมีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษได้เลย และเป็นเพียงการสร้างภาพไปวัน ๆ เท่านั้น เช่น การใช้เครื่องพ่นน้ำดับฝุ่น การใช้โดรนดับฝุ่น หรือการให้ตึกสูงพ่นละอองน้ำ เป็นต้น ทั้ง ๆ ที่ปัญหาหลักคือ การเผาอ้อย เผาซังข้าว เผาขยะ ไอเสียจากยานยนต์ และปล่องควันจากโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรม โดยที่ยังไม่ปรากฎว่านายกรัฐมนตรีจะมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิบัติราชการภายในเขตจังหวัดแทนนายกรัฐมนตรีได้ โดยให้ทำเป็นคำสั่ง และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแต่อย่างใด
ด้วยเหตุดังกล่าว หากประชาชนผู้ใดที่ได้รับผลกระทบ เสียหายและเจ็บป่วยจากการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีหรือการปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร มีสิทธิตามกฎหมายในประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 420 ประกอบมาตรา 96 แห่งพรบ.สิ่งแวดล้อม 2535 ในการยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายเอากับนายกรัฐมนตรีได้ โดยสามารถสามารถเขียนคำร้องและยื่นฟ้องได้โดยตรงที่ศาลปกครองกลาง หรือศาลปกครองต่างจังหวัดในเขตที่มีอำนาจใกล้บ้านท่าน โดยไม่จำเป็นต้องมีทนายความแต่อย่างใด
สำนักข่าววิหคนิวส์