ประพันธ์ุ คูณมี แกนนำพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ได้โพสข้อความระบุว่า กรณีศาลฎีกาพิพากษาจำคุกแกนนำพันธมิตร โดย ประพันธุ์ คูณมี
คดีนี้ต้องเคารพดุลยพินิจศาล แม้ว่าเราจะไม่เห็นด้วยทั้งหมดก็ตาม แต่หากพิจารณาให้ถ่องแท้แล้ว จะเห็นว่า พวกจำเลยได้เข้าไปชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ 26 สค.-3 ธค.2551 รวม 99วัน ถามว่าเป็นบุกรุกสถานที่ราชการหรือไม่ ก็คงปฏิเสธยาก มีทรัพย์สินราชการเสียหายบ้างไหม ศาลก็วินิจว่าย่อมมีบ้าง อันเกิดจากการชุมนุมของคนหมู่มาก แต่มิได้ทำลายทรัพย์สินสำคัญของทางราชการ และศาลก็เข้าใจเหตุผลที่จำเลยทำไมจึงจำเป็นต้องชุมนุมกดดันรัฐบาลในขณะนั้นเช่นนี้ ทั้งยังเห็นว่าการขุมนุมของพันธมิตรก็เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ทำให้เห็นถึงการทุจริตของนักการเมืองและความคิดที่มุ่งร้ายต่อสถาบัน ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษลงให้จำคุกเพียง8 เดือน เมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ เช่นหมิ่นประมาทผู้อื่น ศาลยังลงโทษแกนนำเสื้อแดงถึง 1ปีโดยไม่รอลงอาญา เช่นนี้แล้วจึงควรมองเห็นถึงความเมตตากรุณาของศาลที่มีต่อจำเลย แม้ศาลฎีกาจะพิพากษายืนจำคุก8 เดือน โดยไม่รอการลงอาญา ก็คงมิต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างในการบุกรุกสถานที่ราชการโดยไม่มีความผิดใดๆ แม้ว่าการกระทำของจำเลย จะเทียบไม่ได้กับความเสียหายที่นักการเมืองกระทำกับประเทศชาติก็ตาม
อย่างไรก็ต้องขอบคุณศาลที่กรุณาลงโทษต่อจำเลยสถานเบา และต้องชื่นชมการทำหน้าที่ของทีมทนายความทุกคนในการทำหน้าที่ เพื่อปกป้องสิทธิของจำเลยจนถึงที่สุด ผ่านคดีนี้มาได้ขนาดนี้ผมเคารพและยอมรับได้ครับ
อย่างไรก็ดี ผลของคดีนี้เมื่อถึงที่สุดแล้ว ยังเป็นโอกาสสำคัญที่จำเลยทุกคน สามารถขอพระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันสำคัญของชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ที่กำลังจะมาถึงได้อีกด้วย จำเลยอาจจำคุกไม่ถึง8เดือนก็เป็นได้ สุดแท้แต่พระมหากรุณาธิคุณ
นอกจากนี้ ผลแห่งคำพิพากษาคดีนี้ จำเลยย่อมนำไปเป็นเหตุยื่นคำร้องต่อศาลในคดีการชุมนุมหน้ารัฐสภา และที่สนามบิน เพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยได้อีกด้วย ว่าคดีอื่นๆที่ฟ้องจำเลยและอยู่ในระหว่างการพิจารณานั้น เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีนี้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้จำเลยหลุดพ้นคดีอื่นที่มีอัตราโทษหนักกว่านี้ได้อีกด้วย
ด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังกล่าว เราต้องไม่ท้อ ไม่สิ้นหวัง จงมีพลังและสติปัญญาต่อสู้ ฝ่าฟันเอาชนะอุปสรรคและปัญหาทั้งปวงไปได้
สำนักข่าววิหคนิวส์