3 เม.ย.62- ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานรัฐสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arthit Ourairat ว่า ขอเพิ่มเติมและขอเสริมด้วยว่า ผมอายุ 80 ปีแล้ว ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมืองไทยมาพอสมควร และยังได้สัมผัสใกล้ชิดกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลายโอกาสที่พระองค์ท่านทรงเป็นศูนย์ดวงใจของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ทรงวิตกห่วงใยในความผาสุกอยู่ดีกินดีของประชาชนตลอดทุกลมหายใจ
แม้ในช่วงก่อนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬที่จะมีการเสนอขอแต่งตั้ง พลเอกสุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรีโดยมิได้เป็น ส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน พระองค์ท่านก็ได้ทรงทัดทานไม่เห็นด้วย “โดยตั้งคำถาม 20 คำถาม” เช่น “มิเป็นการสวนกระแสความต้องการของประชาชนที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งหรือ?” และเมื่อได้รับคำชี้แจงจากฝ่ายเสนอตั้ง พระองค์ท่านต้องยอมตาม ก็ยังได้โปรดพระราชทานคำแนะนำว่า “ให้ไปออกโทรทัศน์ชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจด้วย”
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ขึ้น และประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก พระองค์ท่านก็ได้ออกมาขจัดปัดเป่า ปกป้องประเทศชาติและประชาชนอย่างที่ไม่เคยมีพระมหากษัตริย์หรือประมุขของประเทศใดเคยทำได้
ประเทศไทยจึงอยู่รอดปลอดภัยอีกวาระหนึ่ง
นึกไม่ออกเหมือนกันว่า หากไม่ใช่เพราะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ประเทศไทยคงจะล่มสลายลุกเป็นไฟตั้งแต่ปี 2535 ไม่ต้องรอให้เผาบ้านเผาเมืองในปี 2553 หรอก
จึงขอบอกเล่ากับลูกหลานที่เพิ่งเกิดเติบโตมาในประเทศไทย ได้รู้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของไทย เป็นศูนย์รวมใจได้กอบกู้ประเทศไทย และคอยปกป้องดูแลช่วยเหลือชีวิตประชาชนไทยให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดมา
หากไม่มีพระมหากษัตริย์แล้วไซร้ คงจะไม่มีประเทศไทยอยู่เช่นทุกวันนี้.
Cr.thaipost
สำนักข่าววิหคนิวส์