หอการค้าไทยชี้การเมืองไร้เสถียรภาพ ตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ- เศรษฐกิจทุกภูมิภาคไม่ฟื้นตัว-ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ กดดันกำลังซื้อวูบ กระทบต่อความเชื่อมั่นผู้ประกอบการไทย ฉุดดัชนีความเชื่อมั่นของหอการค้าไทยต่ำสุดรอบ 15 เดือน วิตกส่งออกทรุดซ้ำเติมเศรษฐกิจ แนะรัฐบาลใหม่เร่งคลอดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด่วน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเดือนพ.ค.62 ซึ่งทำการสำรวจจากสมาชิกหอการค้าภูมิภาคทั่วประเทศ 370 ตัวอย่าง พบว่า อยู่ที่ระดับ 47.4 ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน ลดลงจาก 47.8 ในเดือนก่อนหน้านี้ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยผู้ประกอบการทุกภูมิภาค รวมทั้งกรุงเทพฯ มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยลดลง โดยเหตุผลสำคัญมาจากความกังวลต่อการจัดตั้งรัฐบาล การเมืองขาดเสถียรภาพ ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น การส่งออกลดลง และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ กดดันให้กำลังซื้อในภูมิภาคลดลง
ทั้งนี้จากภาพรวมของดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยล่าสุด สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในภาวะซึมตัว ทุกภาคมีปัญหาตรงกันคือ ราคาสินค้าเกษตร ดังนั้น หากการเลือกตั้งผ่านไปเรียบร้อย มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.62 มีการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจหลายหมื่นล้านบาท รัฐบาลควรมุ่งเน้นเข้าไปดูแลภาคเกษตรและการท่องเที่ยว เพราะหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น จะพยุงให้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังโตร้อยละ 3.8-4 และส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวร้อยละ 3.5
โดยสิ่งที่คาดหวังในช่วงครึ่งปีหลัง กรณีสงครามการค้าสหรัฐฯและจีนจะมีการเจรจาของผู้นำทั้ง 2 ประเทศมาพูดคุยกันและหาทางออกร่วมกัน เชื่อว่าโอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในช่วงขาขึ้นได้ แต่หากผลการเจรจาไม่คืบหน้าและเพิ่มภาระการเรียกเก็บภาษีระหว่างกันโอกาสที่เศรษฐกิจปีนี้อาจจะต่ำกว่าร้อยละ 3.5 ก็เป็นไปได้ ซึ่งคงต้องติดตามผลการเจรจาทั้ง 2 ผู้นำอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ต้องติดตามการบริหารงานรัฐบาลชุดใหม่ แม้นักธุรกิจหอการค้าไทยส่วนใหญ่กังวลความมีเสถียรภาพทางการเมืองหลังจากนี้จะไม่ค่อยดีนัก ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่ทราบปัญหาตรงนี้ดี โดยอาจจะเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะพูดคุยและหารือร่วมกันบริหารประเทศให้มีระยะเวลาตามกรอบรัฐบาลคือ 4 ปีก็เป็นไปได้
ส่วนแนวทางแก้ไขอื่นๆที่รัฐบาลจะต้องเข้ามาดำเนินการคือ การแก้ไขปัญหายค่าครองชีพ ปัญหาความยากจน ลดความเลื่อมล้ำในสังคม กระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ เร่งผลักดันระบบขนส่งคมนาคมของประเทศให้มีความเชื่อมโยงเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต ขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตร ส่งเสริมการท่องเที่ยวชมชุน ซึ่งหากเดินหน้าได้เชื่อว่าความเชื่อมั่นของประกอบการจะกลับมาปรับตัวดีขึ้น
Cr.siamrath
สำนักข่าววิหคนิวส์