4 ก.ย.2652 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ให้ที่ประชุม ครม.รับทราบ และยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่ได้ถดถอย โดยเศรษฐกิจไทยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือ เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ยังสามารถขยายตัว แม้จะเป็นการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง หรือต่ำกว่าคาดการณ์ก็ตาม
“นายสมคิด ระบุว่า เคยพูดหลายครั้งว่า เศรษฐกิจไม่ได้ถดถอย เพราะความหมายของถดถอย คือ เศรษฐกิจติดลบ ไม่ได้ขยายตัว จริงๆ คือ ยังขยายตัวเป็นบวก แต่อาจจะต่ำกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้เท่านั้น แต่ยังโตในอัตราที่ชะลอลง จึงอยากฝากให้สื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ และยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้ถดถอย ยังคงเติบโตอยู่” นางนฤมล กล่าว
นอกจากนี้ ในการประชุมสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ยังได้รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับทราบ โดยในส่วนดัชนีการอุปโภคบริโภคที่ขยายตัว เพิ่มสูงขึ้น การใช้จ่ายภาครัฐเป็นบวกมากขึ้น ภาคการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาขยายตัวได้ดี นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาเป็นบวก ด้านดัชนีการลงทุนภาคเอกชนยังค่อนข้างน้อย
ทั้งนี้ นายสมคิด ได้สั่งย้ำในที่ประชุม ครม. ว่า จะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ ด้านเสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจน่าจะเป็นบวกเกือบทั้งหมด โดยพบว่ามีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง แต่มองว่า การเกินดุลดังกล่าวต้องระวัง เพราะหมายความว่าการนำเข้าค่อนข้างน้อย สะท้อนว่าเอกชนยังลงทุนไม่เยอะ จึงต้องไปกระตุ้นให้ภาคเอกชนมั่นใจและลงทุนเพิ่มขึ้นต่อไป ขณะที่สถานการณ์ค่าเงินบาทยังต้องดูแลใกล้ชิด เนื่องจากเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออก และการเติบโตของจีดีพีประเทศ ที่ผ่านมาได้หารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินมาตรการ หรือการดูแลค่าเงินบาทนั้น จะต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากสหรัฐฯ ยังคงติดตามประเทศที่เข้าไปแทรกแซงค่าเงินเพื่อให้ได้ประโยชน์ทางการค้า
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้สำนักงบประมาณเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ทั้งมาตรการประกันรายได้ ดูแลค่าเพาะปลูก ปัจจัยการผลิต เพื่อให้สามารถเดินน้าได้พร้อมกัน โดยยืนยันว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีความจำเป็นและเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพื่อเป็นแรงหนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับฐานราก โดยหวังว่าจะเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ให้ขยายตัวได้ดี ขณะที่ในระยะยาวรัฐบาลยังคงให้ความสำคัญและดำเนินการในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจด้วย
นายอุตตม สาวนายก รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ยืนยันว่า เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในภาวะถดถอย ยังสามารถเติบโตได้ แต่รัฐบาลไม่ประมาท จึงได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 3.16 แสนล้านบาทในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอประเมินผลของมาตรการที่ออกไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีการเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาขยายเวลามาตรการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่ 7% ออกไป โดยมาตรการดังกล่าวกำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 30 ก.ย. นี้ โดยหาก ครม. ไม่มีการขยายอายุมาตรการเพิ่มเติม จะส่งผลให้อัตราภาษีแวตจะกลับไประดับปกติที่ 10% ทันที โดย รมว.การคลัง ยืนยันว่า หากมีความพร้อมจะมีการนำเสนอให้ ครม. พิจารณาทันที
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ เร่งรัดและกระตุ้นด้านเศรษฐกิจฐานรากให้มากขึ้น รวมถึงดูแลภาคเกษตร ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นหัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ
Cr.thaipost
สำนักข่าววิหคนิวส์