ทักษิณเดินเกมบีบหวังให้ฝั่งรัฐบาลแตก ด้วยการต่อรอง ใช้การอภิปรายรายบุคคล เพื่อให้พรรคร่วมถอยตัวออกจากรัฐบาล มาร่วมกับฝ่ายตัวเองในอนาคต แลกไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจ
กำลังใช้หลัก ”ล้ม” ตามกลยุทธ์ ล่อ เร่ง ล้ม ด้วยการโจทตีทั้งนอกและในสภา ทำให้สภาล้ม ไป 2 รอบ หลังรับปากจะฝากเลี้ยง สส.ให้จ่ายเงินแทน เดือนละ 2 แสนต่อคน 20 ราย แลกคดีสำคัญ แล้วก็หักจนสภาล้ม 2 รอบ เพื่อหวังยุบสภา
ในทางกลับกันงูเห่ามิใช่มีในฝั่งฝ่ายค้านเท่านั้น แต่ก็มีในฝั่งรัฐบาล ที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ขับไล่ทหาร จากฝากฝั่งของเสื้อฟ้า หวังยุบสภาให้มีเลือกตั้งใหม่ รุมกินโต๊ะ นักการทหาร ทั้ง ฟ้า แดง กลางสภา
กลยุทธ์ “หนูช่วยราชสีห์” การเปิดใจ เปิดกายนั่งพูดคุยกันกับหนู เชิญมาทานหูฉลาม เกมจึงพลึกแพ้เป็นชนะ ในวันต่อมา ถ้ามิได้ “เต้” ป่านนี้ คงยุบสภาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายในปี2562 และต้องจัดเลือกตั้ง ในต้นปี 2563 ตามรธน.กำหนด
มันไม่ใช่แค่งูเห่า แต่มันเป็นการแปรพรรค จากฝ่ายค้านไปเป็นรัฐบาล เพราะฝ่ายค้านกำลังแตก จนต้องเรียกประชุมด่วน เพื่อสอบถามจุดยืน เพราะมีอย่างน้อย 3 พรรค จะแปรพรรคไปร่วมรัฐบาล อันจำเป็นต้องปรับครม. ก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่น
การพลิกแพ้เป็นชนะ จนถึงขั้น “แปรพรรค” คงเริ่มเข้าใจ ถ่อมใจ ยอมรับฟัง ปรับใช้หลัก ใช้คนให้ถูกกับงาน ใช้งานให้ถูกกับคน ใช้คนเก่ง คนมีฝีมือ ลดการใช้ ญาติ พี่ น้อง รุ่น คนใกล้ชิด ตามหลักการปกครองของ โจโฉ เบาการใช้หลักปกครองของอ้วนเสี้ยว จนต้องมาล๊อคคอ เต้ โชว์ ในปาตี้ราชพฤกษ์
ทักษิณ จึงพ่ายแพ้ในเกมสภา เกมจึงพลิกความคาดหมาย นั้นหมายความว่า หลัง 8 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป โดยเฉพาะงานพระราชพิธี และเทศกาล ยาวจนถึงปีใหม่ ก่อนและหลัง ดูจากบทเรียนประชุมอาเซียนล่าสุด จนสังหารชรบ.15 ศพ ที่ยะลา จึงต้องระวังให้จงหนัก ทั้งภาคใต้และพระนคร
ควรเดินเกมรุกอย่าตั้งรับ กวาดล้างอาชญากรรมกลุ่มเป้าหมาย ก่อนเทศกาล อย่านิ่งดูดาย มิฉะนั้นจะสูญเสีย ทั้งชื่อเสียง และชีวิตโดยใช่เหตุ นี้แหละกลยุทธ์ “หนูช่วยราชสีห์” ที่พลิกเกม แพ้เป็นชนะ หลังเกิดกลยุทธ์ “ตายเพื่อเกิดใหม่” ไม่มีกำลังก็มีกำลัง ไม่มีก็ก็มีก๊ก ไม่มีพวกก็มีพวก ในที่สุด
“ รู้มิสู้ ลงมือทำ ชำนาญมิสู้ เชี่ยวชาญ “
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
7 ธันวาคม 2562