ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า สูงส่งแต่ไม่เย่อหยิ่ง ชนะแต่ไม่ลำพอง
การดำเนินการเรื่องโควิดต้องเร่งเปิดเฟส 4 ให้ไวที่สุด เพราะจะมีผลกระทบในเดือนกรกฎาคมในการเปิดเรียน หากพลาดเกมส์นี้ จะต้องหาเงินอีก 1 ล้านๆ เพื่อมาเยียวยาเพิ่มอีก 3 เดือนซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อเปิดในประเทศแล้วอย่างช้าไม่ควรเกิน 15 มิ.ย. ก็ต้องดำเนินการเปิดนอกประเทศ การเรียนการสอนต้องเปิดเรียนตามกำหนด 1 กรกฎาคม ไม่ต้องเลื่อนอีก โดยให้เน้นเรียนออนไลน์ ยกเว้นพื้นที่ไม่พร้อมให้เรียนปกติ แต่ต้องมีขั้นตอนระบบ การป้องกัน
การเปิดนอกประเทศนั้น ถือว่าเป็นความเสี่ยงขั้นสูงสุด เพราะการแพร่ระบาดมาจากปัจจัยภายนอก มิใช่จากปัจจัยภายใน จะเห็นได้จากเดือนกว่าที่ผ่านมา ผู้ป่วยในประเทศไม่มีแล้ว มีแต่มาจากต่างประเทศทั้งนั้น ซึ่งได้เคยเตือนตั้งแต่ต้นแล้ว ตอนนี้ต้องเอาคนเดินทางกลับมานับแสนคน ต้องเพิ่มภาระครั้งใหญ่ แทนที่จะค่อยๆเครียร์ที่ละส่วน ทำให้ตัวเลขขึ้นๆลงๆอย่างไม่จำเป็น กลับมาไทยก็ไม่ได้กลับบ้าน ต้องมานอนกักโรคอีกครึ่งเดือน รัฐต้องใช้ภาษีจ่ายค่าดูแลต่อรายนับแสนบาท
การเปิดต่างประเทศนั้น ควรแบ่งเฟสการเปิดเป็นระยะ อย่าเพิ่งรีบเปิดในทันที ควรแบ่งเป็น 4 เฟส เริ่มจากประเทศที่ไม่มีผู้ติดเชื้อก่อน แล้วไล่ขึ้นไปตามลำดับ ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ซึ่งจะใช้เวลาแล้วเสร็จเปิดสมบูรณ์ประมาณ 1-2 เดือน หากไม่เกิดการแพร่ระบาดอีก โดยผู้ที่เดินทางเข้ามาไทย จะต้องมีหนังสือรับรองแพทย์ว่าไม่ติดโควิด และต้องเข้าสู่กระบวนการกักโรค
โดยผู้เดินทางเข้ามาจะต้องมีประกันภัย ในเรื่องของอุบัติเหตุและโรคระบาด รวมทั้งต้องออกค่าใช้จ่ายในการกักโรค ทั้งที่พัก บริการ อาหาร โดยสามารถเลือกเกรดของที่พัก อาหารได้ ตามราคาที่ต้องการ อันเป็นการส่งเสริมการโรงแรม ที่กำลังตกต่ำ อีกทางหนึ่ง เพื่อมิให้เป็นภาระของประเทศไทย
การเปิดนอกประเทศนั้น แน่นอนจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดในระลอกที่ 2 ทำให้ศูนย์โควิดจะต้องทำหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะแก้ปัญหาโควิดจบ เพราะปัจจัยภายนอกคือปัญหาใหญ่ เพราะโรคนี้อดีต-ปัจจุบัน มิได้ระบาดจากภายใน แต่ระบาดจากภายนอก ทำให้การแพร่ระบาดจะกลับมาอีกรอบ
เรื่องการเมืองนั้นถ้าลุงป้อมไม่พร้อมนั่ง ก็ให้รออีกระยะหนึ่งไม่น่าเกิน 14 วันจะให้คำตอบว่าใครเหมาะ ยังไงก็จำเป็นต้องเอา4กุมารออก เพื่อปรับภาพลักษณ์สร้างความหวังใหม่ให้กับประชาชน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ยุทธการไวรัสพินาศ ประชาชนพ้นภัยนั้น ได้เตรียมรับมือในสิ่งเหล่านี้ไว้แล้ว เพียงแม่นยำในยุทธศาสตร์เท่านั้น
การปฏิรูปพรรคการเมือง ต้องปฏิรูปพรรคการเมืองอย่างน้อย 2 พรรค ที่ต้องเปลี่ยนกรรมการบริหารใหม่ พรรคแรกดำเนินการไปแล้ว พรรคที่ 2 คือพรรคของกำนัน ควรให้ไปเชิญ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ มานั่งหัวหน้าพรรคกำนัน แทนหม่อมเต่า แล้วจะได้สส.จากแดง-ส้ม เพิ่มโดยอัตโนมัติ อีกนับสิบราย ให้ ดร.อาทิตย์ เป็นรองฯและควบมหาดไทย ดูแลการปฏิรูปประเทศให้คนทุกสีมารวมกันแก้ปัญหา ความขัดแย้งก็จะลดลงในทันที
ด้านเศรษฐกิจ ก็ควรเชิญคุณบัณฑูร ล่ำซำ เข้ามาดูแลกระทรวงการคลัง ลุงป๊อก ไปนั่งกลาโหม ส่วนตำแหน่งอื่นก็ให้ปรับตามโควต้าพรรค ตามความเหมาะสมก็จะไม่เกิดความขัดแย้ง หากทำเพียงแค่นี้ความสามัคคีก็จะบังเกิด ประชาชนจะมีความหวัง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปฎิรูปประเทศ ก็จะเริ่มเดินหน้าไปได้ มุ่งหน้าสู่ความมั้นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เข้าสู่สันติสุข ก็จะเกิดขึ้นในที่สุด
” สูงส่งแต่ไม่เย่อหยิ่ง ชนะแต่ไม่ลำพอง ปราดเปรื่องแต่รู้จักลงเวที เข้มแข็งแต่มีความอดกลั้น..นี่แหละคือนักปกครองผู้ชาญฉลาด ”
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
5 มิถุนายน 2563