ข่าวประจำวัน » เศรษฐกิจ » #เด็กแม้วโดนเต็มๆ ! ศาลสั่งชดใช้หนี้โกงจำนำข้าว “จีทูจีเก๊” 1.5 หมื่นล้าน

#เด็กแม้วโดนเต็มๆ ! ศาลสั่งชดใช้หนี้โกงจำนำข้าว “จีทูจีเก๊” 1.5 หมื่นล้าน

3 July 2020
754   0

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ศาลฎีกาคดีทุจริต “จีทูจีเก๊” ได้พิพากษาแก้ “สุธี-แก๊งเสี่ยเปี๋ยง” ให้ร่วมชดใช้จาก 1.6 หมื่นล้าน เป็นกว่า 2 หมื่นล้านพร้อมดอกเบี้ยจากสัญญา 4 ฉบับ ชี้ร่วมวางแผนกันมาเป็นขั้นตอน เพิ่มถ้อยคำ “รัฐวิสาหกิจ” ในวิธีการระบายข้าว เพื่อให้บริษัทในจีนมาเป็นคู่สัญญา หลีกเลี่ยงการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
.
โดยเมื่อวานนี้ ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลฎีกา ได้อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ ในคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กรณีของนายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 คดีหมายเลขดำ อม.อธ.3/2562 คดีหมายเลขแดง อม.อธ.3/2563 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุธี เชื่อมไธสง เป็นจำเลยที่ 16 ในคดีทุจริตจีทูจี เรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ , พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
.
ในคดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาวินิจฉัยในส่วนแพ่งว่า ผู้ร้องที่ 1-4 ไม่เป็นผู้เสียหาย ให้นายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 ร่วมกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำเลยที่ 10 , นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 14 และนายนิมล รักดี จำเลยที่ 15 ชำระเงินแก่กระทรวงการคลัง ผู้ร้องที่ 5 จำนวน 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ต่อมาผู้ร้องทั้งห้า ซึ่งเป็นหน่วยราชการ ผู้เสียหายอุทธรณ์ว่า ผู้ร้องที่ 1-4 เป็นผู้เสียหาย ขอให้จำเลยที่ 16 ชำระค่าเสียหายเพิ่มขึ้น
.
ซึ่งทาง องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นว่าผู้ร้องที่ 1 เป็นคู่สัญญา ผู้ร้องที่ 2-3 มีหน้าที่สำคัญ ตั้งแต่การรับจำนำข้าวเปลือก แปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร และผู้ร้องที่ 4 มีหน้าที่กำกับให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การระบายข้าว ผู้ร้องที่ 1-4 จึงเป็นผู้เสียหาย เมื่อจำเลยที่ 1-6 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต วางแผนกันมาเป็นขั้นเป็นตอน
.
ตั้งแต่การเสนอกรอบยุทธศาสตร์การระบายข้าว เพิ่มถ้อยคำ “รัฐวิสาหกิจ” ในวิธีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ เพื่อให้ บ.สยามอินดิก้า จำเลยที่ 10 โดย น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง จำเลยที่ 11 , น.ส.เรืองวัน เลิศลารักษ์ จำเลยที่ 12 และนายอภิชาติ จำเลยที่ 14 นำบริษัท กว่างตงฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ ซึ่งเป็นเพียงรัฐวิสาหกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีน
.
ซึ่งไม่ใช่ตัวแทนโดยตรงของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ามาเป็นคู่สัญญาในการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ รวม 4 สัญญา เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม สัญญาที่ทำขึ้นเป็นนิติกรรม ที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงตกเป็นโมฆะ และเป็นการกระทำละเมิด สัญญาดังกล่าว จึงไม่ผูกพันผู้ร้องทั้งห้า
.
สำหรับความเสียหายตามสัญญาแต่ละฉบับ ที่ไม่จำต้องนำค่าใช้จ่ายใด ๆ มาปรับลด และผู้ร้องทั้งห้าได้รับความเสียหาย นับแต่วันทำสัญญาแต่ละฉบับ ให้จำเลยที่ 16 ร่วมกับจำเลยที่ 10, 14, 15 ชำระค่าเสียหายตามสัญญาทั้ง 4 ฉบับ รวมเป็นต้นเงิน 20,057,723,761.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินแต่ละยอด ประกอบด้วย ดอกเบี้ยของต้นเงินในยอด 10,991,736,253.54 บาท ให้ชำระนับตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.2554, ของต้นเงินในยอด 2,197,070,607.79 บาท ให้ชำระนับตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.2554
.
ในส่วนของต้นเงินในยอด 6,687,421,374.73 บาท ให้ชำระนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.2555 และของต้นเงินในยอด 199,495,525.60 บาท ให้ชำระนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.2555 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่หน่วยงานผู้ร้องที่เสียหายทั้งห้า ซึ่งดอกเบี้ยที่นับถึงวันยื่นคำร้องนั้น ต้องไม่เกินจำนวนตามที่ผู้ร้องทั้งห้าร้องขอ นอกจากที่แก้แล้ว ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
.
ทั้งนี้ ศาลยังให้ออกคำบังคับ สำหรับค่าเสียหายส่วนแพ่ง ที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ กรณีจำเลยที่ 16 แล้ว
.
โดยได้มีการรายงานว่า นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง เป็นนักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ และเป็นคนสนิทของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยเสี่ยเปี๋ยงเป็นหนึ่งในจำเลย ที่ถูกพิพากษาจำคุก 48 ปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีทุจริตจีทูจี ซึ่งคดีของเสี่ยเปี๋ยงถึงที่สุดไปเมื่อเดือน ก.ย.2562 จากที่องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ได้พิพากษาแล้ว นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในจำเลยร่วมคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่อยู่ในศาลฎีกาด้วย
.
สำหรับด้านนายสุธี เป็นคนสนิทของเสี่ยเปี๋ยง ซึ่งได้หลบหนีคดีไปตั้งแต่ช่วงต้นที่มีการฟ้องคดีเข้าสู่ศาลฎีกาแล้ว ต่อมาเมื่อมี พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ออกมาบังคับใช้ ให้พิจารณาคดีที่ไม่มีตัวจำเลย ซึ่งได้มีการออกหมายจับไว้แล้วได้ โดยในส่วนของคดีอาญา นายสุธีถูกพิพากษาให้จำคุก 4 กระทง เป็นเวลารวม 32 ปี และให้ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งด้วย