วิจัยกรุงศรี เผยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2563 หดตัว 10.3% จากวิกฤตโควิด-19 และจะค่อยๆ ฟื้นตัว กลับมาเติบโตที่ 2.9% ในปี 2564 ขณะที่ด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ คาดว่าในปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงที่ 83% แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศด้วยการท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทาง หรือ Travel Bubble Policy
กรุงเทพธุรกิจ- วิจัยกรุงศรี ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทย หดตัว 10.3%
นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ไทยจะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศมากว่า 1 เดือน และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ แต่มาตรการเฝ้าระวัง เช่น การรักษาระยะห่างทางสังคม การระงับการบินระหว่างประเทศ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ยังกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วิจัยกรุงศรีปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ และมองว่าจะหดตัว 10.3% ซึ่งต่ำกว่าช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชียในปี 2541 แต่เศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวและเติบโตที่ 2.9% ในปี 2564
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยอาจลดลง 83% ในปีนี้ แม้ว่าไทยจะดันการท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทาง
วิจัยกรุงศรี มองว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่พุ่งขึ้นเกิน 10 ล้านราย และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งความเสี่ยงของการเกิดการระบาดรอบสองในหลายประเทศ อาจทำให้การบังคับใช้มาตรการห้ามเที่ยวบินระหว่างประเทศนานกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวอย่างมาก ประเทศไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวในสัดส่วนสูง จึงเป็นหนึ่งในประเทศที่เปราะบางมากจากผลกระทบของโควิด-19 โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยในปีนี้จะลดลงถึง 83% แม้จะมีการเปิดประเทศด้วยการท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทาง (Travel Bubble Policy) แต่คาดว่า ณ กลางปี 2564 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังคงน้อยกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน
แรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบอาจมีแนวโน้มมากถึง 80% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 50%
ทั้งนี้ การชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และผลกระทบทางลบที่ส่งต่อไปยังภาคหลายส่วน อาจทำให้แรงงานในไทยประมาณ 80% ได้รับผลกระทบในช่วงที่มีการระบาดหนักของโควิด-19 จากเดิมคาดไว้ที่ 50% และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาดว่าจะยังมีแรงงานที่ได้รับผลกระทบประมาณ 30% จากเดิมคาดไว้ที่ 10% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของครัวเรือนและความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชน
หลังพ้นช่วงเวลามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ คาดว่าหนี้สินของภาคธุรกิจและครัวเรือนจะเพิ่มขึ้น
ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาสู่ระดับต่ำสุดที่ 0.5% และการผ่อนคลายมาตรการทางการเงินต่างๆ น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม หลังจากพ้นช่วงเวลาของมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs คาดว่าหนี้สินของภาคธุรกิจและหนี้สินของภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างงานและภาคการเงินของประเทศ
ทั้งนี้ นายสมประวิณ มันประเสริฐ ยังกล่าวว่า นอกจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คาดว่าจะฉุดให้เศรษฐกิจไทยหดตัว 10.6% ในปีนี้ ความล่าช้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและปัญหาภัยแล้งจะส่งผลให้การเติบโตของ GDP ลดลงไปอีก 1% และ 0.4% ตามลำดับ แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทยอยออกมา ซึ่งคาดว่าจะหนุนให้เศรษฐกิจโตได้ราว 1.7% นโยบายการเงินและการคลังที่ประกาศออกมาอาจจะไม่เพียงพอในการยับยั้งการถดถอยของเศรษฐกิจ และอาจไม่มากพอที่จะกระตุ้นให้การเกิดการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการลงทุนของภาคเอกชน วิจัยกรุงศรีจึงมองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในรูปแบบตัวยู (U-shaped Recovery) แต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเปลี่ยนไปเป็นการฟื้นตัวแบบตัวแอล (L-shaped Recovery) จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงและยาวนานเกินกว่าที่คาดไว้