กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ เปิดเผยในวันนี้ว่า เศรษฐกิจของประเทศได้เข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาส 2/2563 เนื่องจากการที่รัฐบาลขยายเวลาใช้มาตรการล็อกดาวน์ได้ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องปิดทำการ และยังทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคทรุดตัวลงด้วย
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 ของสิงคโปร์ หดตัวลง 41.2% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และหดตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัว 35.9%
ตัวเลข GDP ที่หดตัวลงอย่างหนักในไตรมาส 2 สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์ทรุดตัวลงในทุกๆ ด้าน อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาด นอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตของสิงคโปร์ที่ต้องพึ่งพาการส่งออก ขณะที่ยอดค้าปลีกดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมในไตรมาส 2 ของสิงคโปร์ทรุดลง 23.1% สวนทางกับไตรมาส 1 ที่มีการขยายตัว 45.5% ขณะที่อุตสาหกรรมด้านการก่อสร้างทรุดตัวลง 95.6% ส่วนภาคบริการร่วงลง 37.7% เนื่องจากรัฐบาลออกมาตรการเข้มงวดสำหรับสายการบิน โรงแรม และร้านอาหารในช่วงที่มีการล็อกดาวน์
GDP ที่หดตัวลงอย่างรุนแรงได้สร้างแรงกดดันให้กับพรรคกิจประชาชน (People’s Action Party หรือ PAP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของสิงคโปร์ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ที่เพิ่งได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลได้ให้คำมั่นไว้ว่า จะใช้งบประมาณสูงถึง 9.3 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (6.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเยียวยาภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ