ดร.สุกิจ พูลศรีเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายได้ โพสข้อความระบุว่า
“เหตุที่คดีขาดอายุความในชั้นอัยการนั้น เพราะกลไกทางกฏหมาย
ไม่ใช่เพราะเหตุ ที่ตำรวจ หริออัยการ ทำให้ขาดอายุความ
……………………\\\\\\\……………………………………………
โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม
ข่าวคดี “นายบอส” ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางอาญาและเป็นเหตุให้คดีบางข้อหาขาดอายุความนั้น ไม่ใช่เหตุที่ตำรวจและอัยการ นั่น ทำให้คดีขาดอายุความ
คดีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลย ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสองสวนนั่น ตำรวจจะต้องนำผู้ต้องหานั้น มาทางสำนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลภายในกำหนดนัด
ตำรวจมีหน้าที่จะต้องนำตัวผู้ต้องหาไปส่งอัยการตามนัด เมื่อคดีถึงกำหนดนัด ผู้ต้องหาไม่มาศาลหรือแจ้งเหตุขัดข้อง อัยการมีหน้าที่ ต้องให้ตำรวจยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายจับ
ขั่นตอนทั้งหมดนี้ อัยการและตำรวจได้ทำครบทุกขั่นตอนแล้ว คือผู้ต้องหาไม่มาตามนัดเพราะหลบหนีไปต่างประเทศ ตำรวจก็ออกหมายจับ
ครบถ้วนตามกฏหมายแล้ว เหตุที่คดีขาดอายุความในชั้นอัยการนั้นก็ไม่ใบ่เหตุที่ตำรวจหรืออัยการทำให้ขาดอายุความ
มีปัญหาทางสื่อออนไลน์ ที่นำนักวิชาการมหาวิทยาลัยต่างๆออกมาต้องข้อสังเกตุว่า ทำไมตำรวจและอัยการทำไมไม่ฟ้องผู้ต้องหาไปก่อน
ปล่อยให้ขาดอายุความนั่น
ปัญหาที่สังคมออนไลน์ และสื่อ นำครูบาร์อาจารย์มาให้ความเห็น ต่างเข้าใจเรื่องนี้ที่ผิดแล้วลูกศิษนั้น จะเชื่อถือได้หรือไมอันนี้สำคัญมาก
และไม่น่าเชื่อเลยว่า นักวิชาการทนายความระดับอาวุโสที่ออกสื่อ ต่างมีความรูสึกและตั้งข้อสังเกตุ ถึงคดีนี้มีการปล่อยให้ขาดอายุนั้น “ทำไมอัยการไม่ฟ้องไปก่อน”และเหตุใดจึงไม่ดำเนินคดีอื่นทั้งที่ การตรวจเลือดผู้ต้องหานั้น มีแอลกอฮอลสูงเกินกว่ากฏหมายกำหนด และยังพบสารเสพติดในเลือด”เพราะ”นายบอส” เป็นลูกคนรวย”
ทำไมไม่ดำเนินคดีเมาไม่ขับ และพรบยาเสพติด นั้น เพราะเหตุกลไกของกฎหมายมีสภาพบังคับว่า การฟ้องในคดีอาญา ต่อศาลนั้น “ต้องนำตัวผู้ต้องหา”มาศาลด้วย แต่เมื่อ”นายบอส” หลบหนี้ไปต่างไปเทศ ตำรวจและอัยการจึงไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาฟ้องได้ ตามที่กฎหมายกำหนด อัยการไม่มีอำนาจฟ้องไปก่อนโดยไม่มีตัวผู้ต้องหามาศาลได้
คดีจะนานกี่ปีก็ต้องรอ เพราะไม่ได้ตัวมาฟ้อง แต่ที่ขาดอายุความมันเดินกฏหมายบัญญัติว่าต้องได้ตัวมาฟ้องภายในอายุความ เมื่อผู้ต้องหาหลบหนี อัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ถึงผลของคดีนี้จะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยคือทีมกฎหมายของ “นายบอส”ประสบความสำเร็จจริงๆ คือ ระหว่างที่สำนวนนวนอยู่ที่อัยการ ก็พยายามแสวงหาความเป็นธรรมให้แก่ลูกความตนเองตามอำนาจหน้าที่ “ไม่ใช่ทนายโจร” แต่เป็นเพราะกฏหมายเปิด”ช่องให้ทำได้ จะ”ร้องขอความเป็นธรรม”กี่ครั้งที่ไหนก็ได้ ถ้าลูกความของตนเองได้รับความเป็นธรรม ”
อีกทั่ง เหตุที่ตำรวจไม่ฟ้องคดี”นายบอส” เกี่ยวกับเมาไม่ขับนั้น ก็มีกฏหมายรองรับคือ ตามกฏหมายมาตราการความคุมพิเศษ มาตรา 59 และศาลฎีกาได้วินิจฉัยในปัญหาข้อกฏหมายเป็นบรรทัดฐานแล้วว่า”การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง, 157/1 วรรคสอง ตามนัยคำพิพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/25