กก.ผู้ช่วยรัฐมนตรีแจ้งความที่สน.สำราญราษฎร์กล่าวหา ‘อานนท์ นำภา’ ปราศรัยละเมิดสถาบันกษัตริย์ ขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินและกฎหมายอาญาหลายข้อ ด้านอานนท์ระบุต้องพูดถึงการขยายอำนาจของสถาบันกษัตริย์เพื่อให้สังคมร่วมตั้งคำถาม ให้สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือการเมืองและอยู่ใต้รธน.อย่าง

5 ส.ค. 2563 วันนี้ เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สน.สำราญราษฎร์ อภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย อ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง และเพื่อน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผู้กำกับสน.สำราญราษฎร์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ อานนท์ นำภา ทนายความ กรณีจัดชุมนุมปราศรัยละเมิดกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะ โดยนำหลักฐาน เป็นเอกสาร คลิปเสียง และคลิปวีดีโอ มามอบเป็นหลักฐาน

อภิวัฒน์ กล่าว่า อานนท์ และบุคคลไม่ทราบชื่อที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมปราศรัย ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ร.ก. ฉุกเฉินและกฎหมายอาญาหลายกรรมหลายความผิดจัดการชุมนุมปราศรัยที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 3 ส.ค.

โดยเปิดการปราศรัยล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทยซึ่งจะละเมิดกล่าวหาในทางใดๆ บิดเบือนข้อความจริง พูดปราศรัยดูหมิ่น เสียดสียุยงปลุกปั่น ประกาศเชิญชวนให้มีการพูดวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สาธารณะซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายความชิงชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อหวังผลให้ประเทศเกิดความแตกแยกความสามัคคีความวุ่นวายในบ้านเมือง

อภิวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นการกระทำของอานนท์ และบุคคลที่สนับสนุนการปราศรัยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 6 พ.ร.ก. ฉุกเฉินกฎหมายอาญา หลายความผิดหลายกรรม

จึงมาแจ้งความเพื่อมิให้สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นที่เคารพสักการะเสื่อมเสียพระเกียรติถูกดูหมิ่นดูแคลนประเทศชาติเกิดความเสียหายเกิดความวุ่นวายความแตกแยกมากไปกว่านี้ พร้อมฝากถึงทาง สภาทนายความให้พิจารณาพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ. อิทธิพล เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะรวบรวมเอกสารหลักฐานที่ผู้ร้องทุกข์มายื่นให้ เพื่อทำการตรวจสอบ พร้อมประสานไปยัง สน.ชนะสงคราม ที่เป็นพื้นที่รับผิดชอบ เนื่องจากวันจันทร์ ที่ 3 ส.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าว มีการปราศรัย บริเวณบนพื้นทางเท้าหน้า ร้านอาหารแมคโดนัลล์ ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบของสน.ชนะสงคราม ต่อไป

ด้านอานนท์ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า

“ความสำคัญและจำเป็นที่ต้องพูดถึงการขยายอำนาจของสถาบันกษัตริย์ก็เพื่อให้สังคมร่วมกันตั้งคำถาม และหาทางแก้ปัญหาบ้านเมืองร่วมกัน เพราะบ้านเมืองไม่ใช่ของใครคนใดคนนึง แต่เป็นของพวกเราทุกคน”

“ถ้าการต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้เป็นผล ทำให้สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือการเมืองและอยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ดอกผลของการต่อสู้จะตกแก่คนไทยทุกคน รวมถึงคนที่ออกมาแจ้งความดำเนินคดีกับผมกลุ่มนี้ด้วย