โพสต์ทูเดย์-ธนาธร” ร่วมบรรจุอัฐิญาติวีรชนยันไม่เอารัฐประหารไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ ยันร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชนเป็นทางออกเดียวของสังคมไทยที่เหลืออยู่
เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม สวนสันติพร ถ.ราชดำเนินกลาง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้มาร่วมงานบรรจุอัฐิญาติวีรชนเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 โดยมี ญาติวีรชนและบุคคลต่างๆ เข้าร่วม อาทิ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535, นายโคทม อารียา ประธานมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี, นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ, นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นางรสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร รวมถึงตัวแทน พรรคก้าวไกล นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ , นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายทวีศักดิ์ ทักษิณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
นายธนาธร กล่าวว่า วันนี้เรามาร่วมกันบรรจุอัฐิของวีรชนเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 เข้าสู่อนุสาวรีย์ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้เป็นบทเรียนให้กับเราแล้วว่า การทำรัฐประหารไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น การทำรัฐประหารปี 2534 นำมาสู่เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 การทำรัฐประหมาร 2549 นำมาซึ่งเหตุการณ์เมษายน – พฤษภาคม 2553 ได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า การรัฐประหารแก้ปัญหาประเทศไม่ได้ ถ้ามันทำได้ประเทศคงพัฒนาไปไกลแล้ว ดังนั้น ต้องกลับมาเชื่อมั่นในพลังประชาชน เชื่อมั่นในการแสวงหาทางออกให้สังคมภายใต้ระบบอประชาธิปไตย และถ้าเราแสวงหาได้ก็ไม่จำเป็นต้องมีรัฐประหาร ไม่จำเป็นต้องพึ่งนายกรัฐมนตรีคนนอก เราประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ เราประชาชนร่วมแสวงหาทางออกให้สังคมได้โดยไม่ต้องพึ่งอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ วิธีการได้มาซึ่งทางออกนั้น คือ การจัดรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนขึ้นมาใหม่ เป็นทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่ เพราะรัฐธรรมนูญคือข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันของสังคม ว่าคนไทยทั้งสังคม เราอยากจะอยู่ร่วมกันแบบไหน อยากจะเติบโตสร้างอนาคตแบบไหน ภายใต้กฎกติการอย่างไร อำนาจจะถูกจัดสรรปันส่วนในสถาบันการเมืองต่างๆ อย่างไร วันนี้เราไม่มีข้อตกลงนี้ ข้อตกลงเพื่อที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสันติ อย่างไม่ต้องใช้การทำรัฐประหารแก้ปัญหา เราต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ทุกฝ่ายยอมรับด้วยกัน แต่ปัญหาก็คือ การจะมีรัฐธรรมนูญที่ทุกฝ่ายยอมรับนั้นได้มายากเหลือเกิน มีแต่การลุกขึ้นเรียกร้องของพี่น้องประชาชนเท่านั้น รัฐธรรมนูญนี้ไม่ได้มาจากการหยิบยื่นให้ของอภิสิทธิ์ชน แต่มาจากการต่อสู้อย่างแข่งขันของประชาชน
นายธนาธร กล่าวว่า ในสภาไม่ได้มีเจตจำนงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ผลักดันมาถึงจุดนี้ได้มาจากการเรียกร้องของเยาวชน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนข้างนอกสภา ทั้งนี้ ถ้าปล่อยให้กระบวนการกลไกรัฐสภาดำเนินไป ไม่มีทางได้แก้รัฐธรรมนูญ ตนยืนยันเรื่องนี้ในฐานะที่มีโอกาสได้ไปทำงานในสภา ได้พูดคุยกับ ส.ส. พรรคการเมืองต่างๆ ก็รู้สึกได้ว่าไม่ได้มีเจตจำนงเรื่องนี้ รัฐธรรมนูญจะทำได้ประชาชนต้องลุกขึ้นมาเรียกร้อง นี่คืออนาคตของพวกคุณ ถ้าคุณไม่เรียกร้องแล้ว ไม่มีใครเรียกร้องให้ หลายคนเป็นห่วงเรื่องความรุนแรงสำหรับการชุมนุม ถามว่า จะเกิดความรุนแรงได้อย่างไร เพราะถ้าคิดกลับ ความรุนแรงถ้าจะเกิดขึ้นก็มาจากเจ้าหน้าที่รัฐ จากฝ่ายความมั่นคง ต้องถามกลับไปที่เจ้าหน้าที่รัฐ ถามกลับไปที่รัฐบาลมากกว่า ว่าจะยอมให้มีการชุมนุมโดยสงบเกิดขึ้นได้หรือไม่
“เราอยู่ที่นี่ เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว วันนี้ผมเห็นหลายคนร้องไห้ เห็นญาติวีรชนร้องไห้ เราอย่าให้ไปสู่จุดนั้นอีกเลย วันนี้ผ่านมา 28 ปี แต่บาดแผลสังคมยังไม่จางหายไป อย่าให้ไปสู่ความสูญเสียอีก อย่าให้ไปถึงจุดนั้นอีก เรามาร่วมกันสร้างสังคมที่ดี ด้วยการร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน นำรัฐธรรมนูญฉบับนี้เมาใช้ และนับหนึ่งใหม่ นี่เป็นก้าวแรก การจะหาทางออกร่วมกัน ถ้าไม่ได้ก้าวนี้ไม่ต้องพูดถึงรุ่นต่อไป ไม่ต้องพูดถึงความก้าวหน้าของสังคม ไม่ต้องพูดเรื่องอนาคตของลูกหลาน” นายธนาธร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการออกมาพูดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ นายอดุลย์ยืนอยู่ข้างๆ ตอบแทนนายธนาธรว่า ญาติพฤษภาไม่เอารัฐบาลแห่งชาติทำให้นายธนาธร หัวเราะ ก่อนที่จะชี้แจงว่า มีคนตอบแทนแล้ว เป็นจุดยืนเดียวกัน เมื่อถึงข่าวลือรัฐประหาร นายธนาธร กล่าวว่า ผู้มีอำนาจคงต้องคิดหนัก เพราะประชาชนคงไม่ยอม และคณะก้าวหน้าเราก็พร้อมจะออกมาต่อสู้หากเกิดการทำรัฐประหารขึ้น