ม็อบราษฎรดูไว้! ทายาทคณะราษฎร 2475 แถลงสำนึกผิดทั้งน้ำตาแทนบิดา
โดย แนวหน้าออนไลน์
วันเสาร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2563, 14.35 น.
◽ ทายาทคณะราษฎร 2475 สายทบ.’ แถลงสำนึกผิดทั้งน้ำตาแทนบิดาขอพระราชทานอภัยโทษกระทำมิบังควรต่อทรัพย์สินฯช่วงเปลี่ยนแปลงฯ 2475-2491 ไม่เข้าใจตรรกะคนรุ่นใหม่ แนะศึกษาให้ปวศ.ให้ถ่องแท้ อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ยันสถาบันต้องดำรงอยู่ตราบชั่วฟ้าดินสลาย
26 ธ.ค.2563 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กทม.พล.ท.สรภฎ นิรันดร บุตรชายของพ.ต.เสวก นิรันดร หรือขุนนิรันดรชัย หนึ่งในสมาชิกคณะราษฎร 2475 สายทหารบก แถลงข่าวขอสำนึกผิดแทนบิดา ที่ได้กระทำการมิบังควรต่อทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาเป็นของตนเองโดยมิชอบ
โดยพล.ท.สรภฎ กล่าวว่า ขณะบิดามียศป็นร.ท.ได้ร่วมกับผู้บังคับบัญชา กระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองในนามคณะราษฎร 2475 สายทหารบก ต่อมาเมื่อรับราชการเป็นพ.ต. บิดาได้ลาออก เนื่องจากคณะราษฎร แต่งตั้งให้ท่านเป็นนายกองก่อตั้งอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อสร้างอาคารบนสองฝั่ง ถ.ราชดำเนิน และท่านได้สร้างที่อยู่อาศัยของท่านเป็นตึก 4 ชั้น ตรงข้ามวังสวนจิตรลดา ปัจจุบันให้โรงเรียนเอกชนเช่า นอกจากนี้ บิดาได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบพระคลังข้างที่กับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ปี 2475 – 2491 และสมัยนั้นมีส.ส.อุบลนราชธานี สมัยนั้น อภิปรายถึงความไม่โปร่งใสของคณะกรรมการตรวจสอบพระคลังข้างที่ บิดาจึงจับส.ส.ท่านนั้นโยนน้ำหน้าตึกรัฐสภา ต่อมาบิดาได้ร่วมกับหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ก่อตั้งธนาคารนครหลวง กระทั่งบิดาได้เป็นประธานธนาคารนครหลวงในเวลาต่อมา
พล.ท.สรภฎ กล่าวอีกว่า เรื่องสำคัญคือก่อนบิดาเสียชีวิต บิดาได้สำนึกในความผิดว่า ท่านเป็นข้าราชการทหาร แต่ท่านได้เสียน้ำพิพัฒน์สัตยาต่อพระมหากษัตริย์ สมัยที่ท่านเป็นกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ท่านได้ทำเรื่องบางเรื่องที่มิบังควร ท่านได้สั่งเสียต้องการขอพระราชทานอภัยโทษ แต่บิดาก็ไม่มีโอกาสได้เสียชีวิตไปก่อน ด้วยโรคความดันโลหิตสูง และอัมพาต เวลาผ่านมาตนได้ปรึกษาเรื่องนี้กับพี่ชายต่างมารดา ซึ่งบอกว่าเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะทำกัน แม้แต่นามสกุลก็เป็นนามสกุลพระราชทาน แต่พี่ชายก็ได้เสียชีวิตไปก่อน ตนเห็นว่าเวลานี้รั้งรอไม่ได้อีก เพราะบุตรของบิดาที่มีชีวิตอยู่มี 4 คน เหลือตนเพียงคนเดียวที่ยังพอมีแรงทำได้ จึงต้องทำความประสงค์ของบิดาขอทำหน้าที่ตามที่ได้สั่งเสียไว้ก่อนเสียชีวิต สิ่งที่อยากบอกคือสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับประเทศไทยมานาน อยากให้เยาวชนศึกษาประวัติศาสตร์ให้ถ่องแท้ ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ร่วมสร้างบ้านเมืองมาตั้งแต่อดีต แม้ย้อนไปช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศไทยแพ้สงครามกองทัพสัมพันธมิตรเข้าสู่ประเทศไทยเต็มไปหมด ด้วยพระบารมีล้นเกล้ารัชกาลที่8 ท่านเป็นประธานสวนสนามต่อกองทัพพันธมิตร ซึ่งเป็นเกียรติประวัติแก่ประเทศไทย และอยากให้เยาวชนยึดถือพระราชดำรัสล้นเกล้ารัชกาลที่9 ว่าการรับรู้สื่อต่างๆควรใช้สติรู้คิดปัญญารู้ตัว อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ เพราะเยาวชนเป็นอนาคตคของประเทศ ซึ่งต้องดูแล และรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และรักษาบ้านเมืองไว้ตราบชั่วฟ้าดินสลาย
“การปฏิวัติ 2475 ส่วนคุณพ่อได้สำนึกผิดก่อนเสียชีวิตในการกระทำ วันนี้ถ้าดวงวิญญาณคุณพ่อรับรู้คงไปสู่สุขคติ ผมได้ทำหน้าที่แทนคุณพ่อ และไม่สามารถตอบแทนคณะราษฎรหรือลูกหลานคณะราษฎรคนอื่นได้ อย่างไรก็ตาม จากที่มีโอกาสคุยกับบุตรของคณะราษฎรบางคน ก็รู้สึกสำนึกผิด และอยากขอพระราชทานอภัยโทษเช่นกัน แต่ไม่มีโอกาส” พล.ท.สรภฎ กล่าว
เมื่อถามว่า ผู้ชุมนุมบอกว่าจะปฏิรูปสถาบันมองอย่างไร พล.ท.สรภฎ กล่าวว่า ตนมองว่าเยาวชนมีความรักต่อสถาบัน แต่การแสดงออกของเขาในรูปแบบต่างๆตนก็ไม่เข้าใจ เพราะเขาเป็นอนาคตที่ต้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่ต่อไป ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์หลังการแผ่อิทธิพลของจักรวรรดินิยม
เมื่อถามว่า ในอนาคตจะมีการคืนทรัพย์สินกลับไปหรือไม่ นายสรภฎ กล่าวว่า “ส่วนตัวไม่ขัดข้อง เพราะแม้แต่ชีวิตก็สละให้ได้ แต่ต้องถามความเห็นของหลานๆ และของที่คืนกลับไปต้องบริสุทธิ์ผ่องใส”
เมื่อถามการฟ้องร้องเกี่ยวกับคดีมรดกของครอบครัวเมื่อปี 2561 พล.ท.สรภฎ กล่าวว่า ภายหลังได้ถอนฟ้องแล้วในปี 2562 เนื่องจากพูดคุยเข้าใจกัน เป็นพี่น้องกันก็ถอนฟ้องหมด
ทั้งนี้ ภายหลัง พล.ท.สรภฎ แถลงข่าวเสร็จสิ้น ได้พูดคุยเพิ่มเติมกับนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ม.รังสิต ที่เดินทางมาติดตามการแถลงข่าวและให้กำลังใจ โดย พล.ท.สรภฎ ระบุว่า คุณพ่อเสียตอนตนอายุ 14 ปี รู้เรื่องการเมืองและคณะราษฎรจากคุณแม่ ซึ่งจะรู้การเมืองเยอะ ตนทราบหลายเรื่องจากที่คุณแม่ถ่ายทอดให้ฟัง บางเรื่องไม่สามารถถ่ายทอดต่อสาธารณะได้เพราะเป็นในทางลบ จะเสียหายไม่ถูกต้อง ซึ่งมีเหตุผลอย่างยิ่งที่พ่อสำนึกผิด พ่อบอกทำอะไรไว้หลายประการไม่ถูกต้อง จึงอยากขอพระราชทานอภัยโทษ แต่บั้นปลายท่านไม่มีโอกาสแล้ว เพราะเป็นอัมพาต ได้แต่นอนร้องไห้ บอกที่ท่านเป็นอย่างนี้เพราะท่านถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ทำไม่บังควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว พล.ท.สรภฎ ได้ทำพิธีขอพระราชทานอภัยโทษต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.7 พระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวอานันทมหิดล ร.8 และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ร.9 โดยกล่าวทั้งน้ำตา และน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า “ข้าพเจ้า พล.ท.สรภฎ นิรันดร กราบขออภัยแทนบิดาคือ พันตรีเสวก นิรันดรคณะราษฎร 2475 ซึ่งไม่มีโอกาสแล้ว ผมขอทำหน้าที่แทน พระราชทานบรมราชานุญาตต่อล้นเกล้าทั้ง 3 พระองค์ ขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งนี้เพื่อวิญญาณของของคุณพ่อผม ขุนนิรันดรชัย ได้ไปสู่สุขคติและความเป็นสิริมงคลจะได้นำมาสู่ครอบครัวนิรันดร”
https://www.naewna.com/politic/541336