“ผบ.ทหารสูงสุด”
หัวหน้า ศปม. ออกคำสั่ง
เพิ่มเติม ห้ามชุมนุม ทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดฯ
ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
ย้ำ การปฏิบัติทุกพื้นที่ต้องเป็นไปตามมาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่จำเป็นสำหรับพื้นทีควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ตามข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 18
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง(ศปม.)
เรื่อง ห้ามการชุมชุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) (ฉบับที่ ๓)
ตามที่ได้มีการบังคับใช้บรรดามาตรการต่างๆ เพื่อระงับยับยั้งและป้องกันการระบาดแบบกลุ่มก้อนของโรคโควิด – 19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นนั้น
ด้วยการปฏิบัติงานที่เข้มแข็งของพนักงานเจ้าหน้าที่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน อาสาสมัคร ตลอดจนความร่วมมือของประชาชนทุกภาคส่วนตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานการณ์ปัจจุบันสามารถจำกัดและควบคุม การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ให้อยู่ในขอบเขตได้เป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง
รัฐบาลจึงได้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 (ฉบับที่ 8 ) ลงวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2564
และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ 2/2564 เพื่อให้การขับเคลื่อน
ทางเศรษฐกิและสังคมสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการป้องกันโรคตามมาตรการ
ด้านสาธารณสุข
ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติสอดคล้องกับข้อกำหนดและคำสั่งดังกล่าว โดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 15 ) ข้อ 3 และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2563 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่
ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ ๓ 3 (6) และคำสั่ง ประกาศ ที่เกี่ยวข้อง จึงให้ปฏิบัติ ดังนี้
1. ให้ยกเลิกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับ ความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมชุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) (ฉบับที่ 2 ) ลงวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2564
2. ห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน หรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่โรค ณ ที่ใด ๆ
ทั่วราชอาณาจักร
3. ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากและมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้โดยง่าย ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด เว้นแต่
เป็นการดำเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นการ
จัดกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานที่กักกันโรคโดยมีมาตรการทางสาธารณสุขรองรับ และเป็นไป
ตามมาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่จำเป็นสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และมาตรการ
ควบคุมแบบบูรณาการที่จำเป็นสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด กำหนดไว้ตามข้อกำหนด (ฉบับที่18 )
ลงวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564 ตามลำดับ
4.การชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัด ในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ในพื้นที่ซึ่งมีประกาศหรือมีคำสั่งให้เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือพื้นที่
เฝ้ระวัง ให้ผู้จัดการชุมนุมหรือจัดกิจกรรมดังกล่าว ดำเนินการตามมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ
ที่เป็นสำหรับพื้นที่ควบคุม พื้นที่ฝ้ระวังสูง หรือพื้นที่เฝ้าระวัง ที่กำหนดไว้ตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 18 )
ลงวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564
เว้นแต่การทำกิจกรรมของทางราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีมาตรการเว้นระยะห่าง ระหว่างบุคคลที่ปลอดภัย หรือการทำกิจกรรมภายในครอบครัว ที่อยู่ในเคหสถาน
หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนด
การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน
สี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เป็นตันไป
ประกาศ ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง