ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #รังเกียจผู้หนีคดี ! นายก ตีแคร่กระทบคราด

#รังเกียจผู้หนีคดี ! นายก ตีแคร่กระทบคราด

17 February 2021
465   0

    16 ก.พ.64 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เวลา 21.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงโหม ได้ชี้แจงเกี่ยวกับ คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ “บอส” ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสะเทือนใจของทุกคนในสังคม เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า คดีดังกล่าวมีการดำเนินการที่ล่าช้าผิดปกติ  มีข้อสงสัยจากกสาธารณชนว่า มีความช่วยเหลือเป็นกระบวนการทำลายความเชื่อมั่นและศรัทธา ต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้

“ผมก็รับไม่ได้เหมือนกัน ท่านจะบอกว่าผมได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ผมรังเกียจคนพวกนี้ หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ออกหมายอะไรไปก็แล้ว ไม่เคยได้กลับมาสักคนเลย คดีอื่นก็เหมือนกัน ขอขอบคุณสำหรับข้อมูล”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานคณะกรรมการฯ กำหนดให้มีการรายงานผลการสอบสวนให้ทราบทุก 10 วัน มีการเชิญเจ้าหน้าที่ผู้ทรงคุณวุฒิ อัยการ ตำรวจ ผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง ขอย้ำว่าได้อ่านเอกสารที่คณะกรรมการส่งมาทุกหน้า และรู้สึกว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีกในประเทศไทยไม่ว่ากับใครก็ตาม

“สิ่งที่ทำได้ในฐานะนายกฯ คือเร่งรัดคดีนี้ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง ต้องเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายวรยุทธ ในคดีที่ยังไม่ขาดอายุความภายใน 30 วัน พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีอาญากับนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุเฉี่ยวชนให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาเสพยาเสพติดโทษ มีการออกหมายจับ ประสานสานงานกับอินเตอร์โพลออกหมายแดง เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทางอินเตอร์โพลได้ออกหมายแดงไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.2563 ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กำลังประสานงานกับตำรวจสากล เพื่อนำผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และหน่วยงานกลาง กำกับติดตามผลการตรวจสอบของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง 5 หน่วยงาน ทั้งนี้ ป.ป.ท.สรุปรายงานมาว่า เมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐ และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมกับกระทำความผิด ช่วยเหลือนายวรยุทธ”

นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยนิ่งนอนใจ รังเกียจคนที่ทำผิดกฎหมายและหนีคดีและอยู่ต่างประเทศ จะดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้อง และเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม ในส่วนของคดีที่ฟ้องไปในขณะนี้คดีจะหมดอายุความในวันที่ 4 ก.ย.2570 ยังมีเวลาอยู่

ส่วนความร่วมมือต่างประเทศ กองการต่างประเทศของตำรวจ ได้ทำถูกต้องตามกระบวนการความร่วมมือตำรวจสากล หมายแดงนั้นเป็นการขอความร่วมมือว่าบุคคลนั้นเป็นที่ต้องการตัว แต่ไม่มีผลที่จะให้ประเทศต่างๆเข้าจับกุม

“กรณีหมายแดงที่อ้างอิงหมายเลขพาสปอร์ตปลอมนั้น ไม่เป็นความจริง แม้ว่าเลขพาสปอร์ตจะเปลี่ยน แต่ภาพถ่าย และลายนิ้วมือยังอยู่ ไม่ส่งผลต่อเลขพาสปอร์ต แม้จะเปลี่ยนกี่เล่มก็ตาม ยืนยันว่า รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ และไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่เรื่องคดีต้องใช้เวลาพอสมควรผลีผลามไม่ได้ หลายคนหนีคดีและสู้คดีหลายปีก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ต้องขึ้นอยู่กับหลักฐาน และวัตถุพยาน กับสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง”

จากนั้น นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  ลุกขึ้นอภิปรายว่า นายกฯไม่ยอมตอบให้ชัดในสิ่งที่ ตั้งคำถามเกี่ยวกับคดีนายวรยุทธ เช่น เรื่องการไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนผบ.ตร. กรณีการโยนเรื่องให้ อัยการสอบกันเอง กรณีเกี่ยวกับส.ว.เข้าไปแทรกแซง รวมถึงการตั้งกรรมการสอบตัวนายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ อยากให้นายกฯกลับไปแก้ไขทำให้ได้ ถ้าไม่ทำ ท่านอย่าอยู่ในตำแหน่งนายกฯนี้เลย

ทำให้นายกฯลุกขึ้นกล่าวสวนทันทีว่า “ท่านไม่เคยเป็นรัฐบาล จึงไม่เข้าใจว่ากระบวนการต่างๆเป็นอย่างไร ใช้เวลาอย่างไร ท่านพูดเสมอว่าผมเลือกส.ว.มาหมด 250 คน แต่ที่จริงมีอยู่ 50 คนที่เลือกมาจากประชาชน” นายกฯ กล่าว

เป็นที่น่าสังเกตว่า การอภิปรายของนายธีรัจชัย เป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ลุกขึ้นประท้วงหรือโต้แย้ง ข้อมูลของนายธีรัจชัย