เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพีมูฟ หรือ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และภาคีเซฟบางกลอย ในเวลาประมาณ 16.25 น. มีการจอดรถกระบะพร้อมเครื่องเสียงบนทางเท้าฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ต้านโกง ผลัดกันขึ้นปราศรัยในปัญหาการจัดการที่ดิน
นายจำนงค์ หนูพันธ์ จากกลุ่มพีมูฟ หรือ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ขึ้นปราศรัยในประเด็นปัญหาของชาวบ้านบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยเน้นย้ำประเด็น ‘ไร่หมุนเวียน’ ของชาวปกากะเญอ หรือกะเหรี่ยงบางกลอยโดยยืนยันว่าไม่ใช่การทำลายป่า แต่กลับเพิ่มธาตุอาหารในดิน นอกจากนี้ยังประกาศว่าจะสร้าง ‘หมู่บ้านชมัยมรุเชฐ’ โดยปักหลักอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข
บรรยากาศทั่วไป มีการนำป้ายผ้าและไวนิลมีข้อความต่างๆวางบนผิวจราจร 1 ช่องทาง อาทิ ประชาชนเป็นเจ้าของแผ่นดิน, ที่ดินคือชีวิต, หยุดนโยบายทวงคืนผืนป่า เป็นต้น รวมถึงไวนิลเอกสารบันทึกข้อตดลงร่วมระหว่างตัวแทนรัฐบาลและภาคประชาสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมดังกล่าว มีเยาวชนกลุ่ม ‘ราษดรัม’ ร่วมตีกลองประกอบการปราศรัยด้วย นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนกลุ่ม ‘สมัชชาคนจน’ ร่วมปราศรัยบนรถเครื่องเสียงด้วย
เวลา 16.30 น. นายบารมี ชัยรัตน์ จากสมัชชาคนจนขึ้นรถปราศรัย โดยกล่าวว่า สิ่งที่คนจนจะทำได้คือส่งเสียงตะโกนกู่ก้องให้นายกรัฐมนตรีได้ยิน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความทุกข์ยาก วันนี้ตนในฐานะคนจนจึงมาเยี่ยมคนจนด้วยกัน ประเด็นบางกลอย ถูกใส่ร้ายโดยคนบางกลุ่ม เช่น บอกว่าชาวบ้านปลูกกัญชา มีภาพประกอบ แต่ชาวบ้านยืนยันว่าไม่เคยปลูก และภาพที่ถูกเผยแพร่ก็ไม่ใช่บ้านบางกลอย ถ้าคนบางกลอยไม่สามารถรักษาป่าได้ แก่งกระจานคงไม่หลงเหลือเป็นป่าที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ขนาดนี้
“มีคนบอกว่าพี่น้องบางกลอยเป็นคนมาจากประเทศอื่น บอกว่าบ้านหลังหนึ่งมีคนอยู่ถึง 50 คน แต่ตอนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเรียกเข้าหน้าที่กรมประชาสวเคราะห์มาสอบถาม ได้รับคำตอบว่าเคยสำรวจมาหมดแล้ว ทำทะเบียนแล้ว บ้านหลังนั้นไม่ได้มีคนอยู่ 50 คนจริงๆ แต่มีชื่อในทะเบียนบ้านจำนวนมาก เพราะระเบียบกระทรวงมหาดไทย ไม่ยอมออกทะเบียนให้บ้านในเขตป่า เด็กที่เกิดมาจึงถูกนำชื่อไปยัดในบ้านที่มีทะเบียนอยู่แล้วเท่านั้น” นายบารมีกล่าว
