11 มี.ค.64 เวลา 11.20น.ที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติพิจารณาคำร้องที่ประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (1) ว่า ไม่ว่าผลออกมาทางใดทางหนึ่งประชาชนก็จะตัดสินได้ว่า ความไว้วางใจที่มีให้รัฐบาล จะสามารถมีให้ต่อไปได้หรือไม่
ทั้งนี้ตนจะไม่ไปก้าวล่วงอำนาจในการวินิจฉัยของศาล แต่ในความรู้สึกของประชาชน เรารู้สึกได้ตั้งแต่ต้นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจ เห็นได้จากรัฐบาลทำเป็นเงียบ ทั้งๆที่เป็นนโยบายที่สำคัญจนเมื่อต้นปีที่แล้วนักศึกษาเริ่มจัดแฟลชม็อบ รัฐบาลจึงได้ยอมให้มีกรรมาธิการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากนั้นก็มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เข้ามากั้นอีก และเมื่อมีการเคลื่อนไหวของนักศึกษาอีกครั้ง ก็ยอมให้ร่างเข้าสู่สภาในวาระหนึ่ง และมีส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับส.ว. ยื่นเรื่องมาให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
“เรื่องนี้ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาที่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้อยู่แล้ว แต่กลับโยนเผือกร้อนมาให้ศาลวินิจฉัย ซึ่งประชาชนก็จะคอยดูว่าศาลรับเผือกร้อนก้อนนี้ไว้ หรือจะโยนกลับมาให้ส.ว. ซึ่งถ้าโยนกลับมาให้ส.ว. เราก็จะเห็นธาตุแท้ของส.ว. 250 คนมากขึ้นว่าจะกล้าขวางเจตนารมณ์ของประชาชนหรือไม่”
เมื่อถามว่า ถ้าคำวินิจฉัยของศาลได้ออกมาตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมคาดไว้ มองว่าจะเกิดการชุมนุมใหญ่หรือไม่ นพ.ทศพร กล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่ว่าขั้นตอนไหนก็ตาม ถ้ามีการขวางร่างแก้รัฐธรรมนูญ ประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น