14 มี.ค.2564 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการโหวตในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า ชุดแนวคิดของนายวิษณุ เป็นหลักฐานชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีพิมพ์เขียวในการสืบทอดอำนาจอย่างไร เป็นการยืนยันในสิ่งที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกสปช.คว่ำรัฐธรรมนูญกลางสภา ทำให้ตกไปจนไม่ได้เดินหน้าไปสู่การทำประชามติ แฉว่าเขาอยากอยู่ยาว ยังคงดำรงความมุ่งหมายอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่มา 7 ปี และเคยแถลงต่อรัฐสภาจะทำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วนข้อที่ 12 แต่ผ่านมา 2 ปี กลายเป็นนโยบายล่าช้า ไม่เห็นความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เห็นแต่แท็กติกพายเรือในอ่างซื้อเวลา
.
จึงเป็นสิทธิของประชาชนที่จะตั้งข้อสังเกตและตั้งข้อกล่าวหารัฐบาลว่า กำลังยื้อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ หลอกลวงประชาชน และไม่มีความจริงใจ เป็นไปตามทฤษฎีสมคบคิดเพื่อปกป้องอำนาจและผลประโยชน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่าปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ตอน 250 ส.ว.โหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกถือเป็นวิกฤติศรัทธาที่ถล่มส.ว.ลากตั้งตลอดมา แต่การดาหน้าออกมาตั้งป้อมเป็นองครักษ์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ไม่ยอมให้แก้ถือเป็นตราบาปและมหาวิกฤติศรัทธา ไม่เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประชาชนจึงหันไปถามพรรคร่วมรัฐบาลว่า จะร่วมกันพายเรือให้พล.อ.ประยุทธ์ นั่งไปอีกนานแค่ไหน จำได้หรือไม่ว่าตอนหาเสียงเลือกตั้งแต่ละพรรคแสดงยืนว่าจะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างไร
.
“หากพล.อ.ประยุทธ์ ประเมินว่าการเคลื่อนไหวของการเมืองภาคประชาชนโดยเยาวชนคนรุ่นใหม่อ่อนกำลังลง จะยื้อการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปนานแค่ไหนก็ได้ อาจคิดผิด สถานการณ์มีสิทธิ์พลิกผันจากปัจจัยที่รัฐบาลเบี้ยวแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลายเป็นการเผชิญหน้าและความขัดแย้งรอบใหม่ที่ถูกยกระดับขึ้นมา” นายอนุสรณ์ กล่าว