วันที่ 2 พ.ค.64 จากกรณีมวลชน นำโดยนางสาวเบนจา อะปัญ สมาชิกกลุ่มแนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์ และการชุมนุม และเป็นหนึ่งในแกนนำของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” ก่อความวุ่นวายบริเวณหน้าศาลอาญา เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว นายอานนท์ นําภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือจัสติน และนายปริญญา ชีวินกุลปฐม หรือพอร์ท วงไฟเย็น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ค.64 ที่สน.พหลโยธิน กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.) นำโดย นายนพคุณ ทองถิ่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับ นางสาวเบนจา อะปัญ กรณีการจัดการชุมนุมที่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 29 เมษายน 64 ในความผิดตาม ม.112, พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พรบ.เครืองเสียง โดยยื่นหนังสือพร้อมพยานหลักฐานต่อพนักงานสอบสวน
ศปปส ระบุว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2564ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่า”แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” โดยมี น.ส.เบนจา อะปัญ ได้จัดการชุมนุมที่หน้าศาลอาญา (รัชดา) โดยการชุมนุมลักษณะนี้ถูกต้องตามพรบ.ควบคุมโรคติดต่อหรือไม่ เนื่องจากประเทศไทยกำลังประสบปัญหาโรคระบาดร้ายแรงโควิด 19 และหรือถูกต้องตาม พรก.ว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะหรือไม่ มีการขอใช้เครื่องขยายเสียงและได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่หรือเปล่า
“หรือผิดเงื่อนไขในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว(ประกันตัว)หรือไม่ เนื่องจาก น.ส.เบนจา อะปัญ เป็นผู้ต้องหาตามมาตรา 112 ที่ศูนย์รวมประชาชน ปกป้องสถาบัน (ศปปส.)เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษและแจ้งความไว้ที่สน.ปทุมวัน ซึ่งทางพ.ต.ท.จริญสิทธิ์ จงอิทธิ รองผู้กำกับสอบสวนสน.ปทุมวันได้แจ้ง4ข้อกล่าวหาต่อน.ส.เบนจา โดย 4 ข้อหาได้แก่1.ข้อหาตาม ป.อาญาม.112 2. ฝ่าฝืนข้อกำหนดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 3. ฝ่าฝืนข้อกำหนดพ.ร.บ.โรคติดต่อฯ4.ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และหลังจาก น.ส.เบนจา มารับทราบข้อกล่าวหาที่สน.ปทุมวันแล้ว ก็ได้รับการปล่อยตัวในชั้นสอบสวน”
ทั้งนี้ ศปปส ระบุด้วยว่ายังได้ทราบข่าวว่ามีสามชิกพรรคก้าวไกล ซึ่งนำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พร้อม ส.ส.พรรคก้าวไกลอาทิ นายรังสิมันต์ โรม น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยาและนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุลได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ที่หน้าศาลอาญาในครั้งนี้ จะเข้าข่ายร่วมยุยงส่งเสริมให้มีการรวมตัวกันเป็นจำนวนมากซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 หรือไม่