เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 9/2564 ผ่านระบบวิดีโอทางไกล โดย ศบค. ชุดเล็ก ได้เสนอแผนมาตรการเข้มข้นในการควบคุมการระบาดของโควิด ซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
มีรายงานข่าวในที่ประชุม ศบค. เปิดเผยว่า เบื้องต้นที่ประชุมกำหนดระยะเวลายกระดับมาตรการ 14 วัน จำกัดการเดินทางตั้งแต่พรุ่งนี้ (10 ก.ค.)เป็นต้นไป โดยมีผลเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑล 6 จังหวัด (พื้นที่สีแดง) พร้อมกำหนดเป้าหมายลดผู้ป่วยภายใน 2-4 สัปดาห์ ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้ขยาย พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน อีก 2 เดือน คือ ส.ค.-ก.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่างมาตรการที่ ศบค. เสนอให้นายกฯพิจารณาในวันนี้คือ การจำกัดการเดินทางออกจากบ้าน และไปในสถานที่เสี่ยง เพื่อลดการเคลื่อนที่ของประชาชน
ศบค. ขอให้เวิร์คฟอร์มโฮม (WFH) 100 % ยกเว้นงานบริการที่จำเป็น และงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค และขอให้ประชาชน งดการเดินทางโดยไม่จำเป็น ยกเว้น เดินทางไปซื้ออาหาร ไปโรงพยาบาล และฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่เสียง 6 จังหวัด ไม่ออกนอกเคหะสถานช่วงเวลา22.00-04.00 น. เว้นแต่มีความจำเป็น แต่จะไม่ประกาศเป็นเคอร์ฟิว
ห้างสรรพสินค้าจะอนุญาตให้เปิดได้เฉพาะส่วนซุปเปอร์มาเก็ต แผนกขายยา แผนกอาหาร แผนกสินค้าเบ็ดเตล็ด ส่วนร้านสะดวกซื้อจะมีกำหนดเวลาเปิด–ปิด
สำหรับโรงพยายาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยา ร้านอาหารในส่วนที่ไม่ใช่สถานบันเทิง หรือสถานบริการ และแผงจำหน่ายอาหาร ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก ร้านค้าทั่วไป ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม ตลาดและตลาดนัดส่วนอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงรส อาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ และสินค้าเบ็ดเตล็ด แก๊สหุงต้ม เชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส การให้บริการขนส่งผู้โดยสาร และขนส่งสินค้ำ รวมทั้งบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง เปิดได้ตามปกติ
นอกจากนี้ยังเน้นมาตรการป้องกันส่วนบุคคล การสวมหน้ากากอนามัย งดการคลุกคลีใกล้ชิดกัน หรือรับประทานอาหารร่วมกัน ทั้งในที่บ้าน และสถานที่ทำงาน