นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ลงนามคำสั่งจังหวัดภูเก็ต เรื่อง ปิดสถานที่เสี่ยงหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยง มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ณ วันที่ 18 ก.ค. 64 ระบุว่า
.
เนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่ต่างๆเพิ่มสูงขึ้นและส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตและสุขภาพ เพื่อชะลอการระบาดของโรค ต้องหยุดยั้งการกระทำใดๆที่เป็นความเสี่ยงหรือเป็นเหตุให้เชื้อโรคแพร่ระบาดออกไป จึงมีคำสั่งปิดสถานที่ หรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยง มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019
.
สาระสำคัญ ของมาตรการ ดังนี้
.
ปิดสถานบริการ ผับบาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิงและสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการทุกแห่งในจังหวัดภูเก็ตเป็นการชั่วคราวต่อไป
.
ปิดสนามชนไก่ สนามกัดปลา สนามแข่งนก สนามแข่งไก่ สนามมวย หรือที่จัดให้มีการเล่นการพนัน รวมถึงสนามฝึกซ้อมหรือกิจกรรมทำนองเดียวกันเป็นการชั่วคราวต่อไป
.
ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า หรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกันให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 21.00น.โดยให้จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ ยกเว้นกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึงตู้เกม ร้านเกม เครื่องเล่น สวนสนุก ให้งดบริการ
.
ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่ได้ประกอบกิจการเป็นสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการให้บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านได้ภายในเวลาที่กำหนดโดยให้มีการจำหน่ายและบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านได้ไม่เกินเวลา 21:00 น.
.
ห้ามรวมกลุ่มทำกิจกรรม สังสรรค์ ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะชายหาด สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น ถนนริมคลอง
.
ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของบุคคลซึ่งมีจำนวนรวมกันมากกว่า 150 คน
.
ให้งดการจัดงานสังสรรค์รื่นเริงงานเลี้ยงงานวันเกิด ขึ้นบ้านใหม่ งานแสดงความยินดีในโอกาสต่างๆ กรณีการจัดงานประเพณีนิยมที่ไม่สามารถเลื่อนได้ เช่น งานศพ งานบวช งานแต่งงาน ให้ดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันโรคเพื่อลดโอกาสเสี่ยงจากการติดเชื้อ
.
ห้ามมิให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารและพนักงานส่วนท้องถิ่นพนักงานราชการ ลูกจ้างส่วนราชการ เดินทางออกนอกเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตยกเว้นมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนและต้องได้รับอนุญาต จากผู้บังคับบัญชา
.
หากฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
.
ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.64 ถึงวันที่ 2 ส.ค.64
.