ก่อนหน้านี้เคยทำให้ประชาชนรู้จักไปประมาณหนึ่งแล้ว สำหรับอภิวัฒน์ ขันทอง ทนายความส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบอำนาจมาดำเนินคดีแร็ปเปอร์วัย 18 ปี นอกจากนี้นายอภิวัฒน์ ยังมีผลงานที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯมาแล้วหลายคดี
ล่าสุดที่กองบังคับการกองปราบปราม ถนนพหลโยธิน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดี นายอภิวัฒน์ ขันทอง ในข้อหา “แจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา”
จากกรณีที่นายอภิวัฒน์ขันทองแจ้งความดำเนินคดีดำเนินคดี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
เนื่องจากนายอภิวัฒน์อ้างว่าได้รับหนังสือมอบอำนาจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่ามีอำนาจในการตรวจสอบและดำเนินคดีกับบุคคลทั่วไปที่มีการพาดพิงรัฐบาล หรือมีการ กล่าวถึงนายกรัฐมนตรีในทางเสื่อมเสีย
สืบเนื่องจากวันที่ 29 กรกฎาคม นายอภิวัฒน์ได้แจ้งข้อกล่าวหาตนเองในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ เนื่องจากตนเองได้ทำการไลฟ์สด และวิพากวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้ยังพูดถึงเรื่องขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวที่กระทบต่อภาพรวมของประเทศ
ซึ่งหลังจากที่ได้ดูหนังสือคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. ก็พบว่า พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้มอบอำนาจให้นายอภิวัฒน์ มาร้องทุกข์หรือดำเนินการแจ้งความแทนตนเองแต่อย่างใด
ในส่วนของข้อหาแรกที่มีการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ หากมองในข้อเท็จจริงข้อหานี้สามารถแจ้งความได้เนื่องจากเป็นคดีอาญาต่อแผ่นดิน
แต่เนื่องจากว่าขณะที่ตนเองไลฟ์สดนั้นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ปฎิบัติหน้าที ดังนั้นพนักงานอัยการ ศาลแขวงดุสิตจึงคืนสำนวนมาให้กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง และเปลี่ยนข้อหาเป็นความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาแทน
อย่างไรก็ตามหากจะแจ้งความฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาซึ่งเป็นความผิดส่วนตัว นายกรัฐมนตรีจะต้องมีการมอบอำนาจ ให้นายอภิวัฒน์ เป็นผู้ดำเนินคดีแทนก่อน แต่ในกรณีนี้ตรวจสอบแล้วก็พบว่านายอภิวัฒน์ไม่มีอำนาจในการแจ้งความดำเนินคดีแทนนายกรัฐมนตรีดังนั้นการกระทำของนายอภิวัฒน์จึงเป็นการแจ้งความเท็จ