ญัตติซักฟอกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ 5 รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลที่ฝ่ายค้านยื่นต่อประธานสภาฯ ใน 3 หน้าแรกว่าด้วยข้อกล่าวหาแบบจัดหนักต่อ’บิ๊กตู่’ ชนิดที่เจ้าตัวยังบ่น ”แรงไปหรือเปล่า”
เพราะโดนตั้งแต่ เป็นบุคคลไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้ความสามารถ ผิดพลาดบกพร่องเสียหายร้ายแรง สั่งการแบบ’กลืนน้ำลาย’ตัวเอง พฤติการณ์’ค้าความตาย’สร้างกำไรจากวัคซีนร่วมกับนายอนุทิน กอบโกยผลประโยชน์บนซากศพและคราบน้ำตาประชาชน รวมทั้งใจดำ โอหังคลั่งอำนาจ
เรียกได้ว่า’หลอกด่า’ฟรีๆให้เจ็บแค้นใจเอาไว้ก่อน เพราะทราบดีอยู่แล้วว่า ถึงเวลาลงมติโหวตเสียง ยังไงก็แพ้อยู่ดี
แม้จะเป็น’เป้าหลัก’ในศึกซักฟอกรัฐบาล ทั้งในฐานะนายกฯผู้นำศูนย์กลางอำนาจ ผอ. ศบค. และรมว.กลาโหม ฝ่ายความมั่นคง พร้อมดึงผบ.สส.และเลขาสมช.ไปนั่งเป็นใหญ่ในศบค.แทนรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง รวมถึงเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จึงมีเรื่องให้ต้องโดนถล่มมากมายกว่าใครเพื่อน
แต่เชื่อได้เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ลอยลำในญัตตินี้แน่นอน ทั้งการชี้แจงตอบโต้ที่ถนัดอยู่แล้ว แถมยังจะมี’ลูกเหน็บ’ตอกกลับอีกต่างหาก ยังไม่นับทีมองครักษ์ที่จะรวมตัว’แพ็คทีม’ปกป้อง
ขณะที่ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าพรรคไหน รับประกันซ่อมฟรีว่ากดโหวตไว้วางใจพร้อมเพรียง ไม่มีใครกล้าหือกับ’บิ๊กตู่’
แต่คนที่น่าเป็นห่วงในศึกซักฟอก กลับจะเป็นรัฐมนตรีคนอื่น แมัแต่จากพรรคพปชร. หลังมีกระแสคลื่นใต้น้ำแก๊ง 4ช.เดินเกมให้มีการปรับครม. แต่ก็จะไปป่วนหรือวิ่งล็อบบี้ในพรรคพปชร. ไม่ใช่ไปป่วนหรือต่อรอง’บิ๊กตู่’โดยตรง
อย่างไรเสีย เฉพาะในพปชร. สุดท้ายก็คงเจรจาตกลงกันได้ จะไม่ต้องลุ้นหรือวัดใจผลโหวต ในเมื่อผู้มากบารมีอย่าง’บิ๊กป้อม’ คงนั่งตาเขียวคอยสั่งการอยู่แล้ว
รัฐมนตรีที่ต้องลุ้นกันเหนื่อย จึงหนีไม่พ้นรัฐมนตรีต่างพรรค ซึ่งต้องอาศัยเสียงโหวตไว้วางใจจากพปชร.เป็นสำคัญ เพราะลำพังเสียงส.ส.ในพรรคถึงอย่างไรก็ไม่พอ
กรณีปชป.’เสี่ยต่อ’นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน นอกจากเสียงพปชร.แล้ว ยังต้องอาศัยคอนเนคชันจากพรรคภูมิใจไทย เช่นเดียวกับที่ภท.ก็ต้องอาศัยปชป. ผ่านคอนเนคชั่น’รองหนู-เสี่ยต่อ’ซึ่งแนบแน่นมาตั้งแต่จับมือคล้องแขนเข้าร่วมรัฐบาลตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่อีกทางหนึ่ง ‘เสี่ยต่อ’ต้องประสานในพรรคให้ดี โดยเฉพาะกับกลุ่มขาประจำคลื่นใต้น้ำในพรรคที่น่าจะยังมีอยู่ แม้จะขาดเทพไท เสนพงศ์ ที่พ้นสมาชิกภาพส.ส.ไปแล้วก็ตาม แต่คงไม่เป็นปัญหาสำหรับ’แม่บ้านมือหนัก’
ที่ถูกจับตามากกว่าใคร คงหนีไม่พ้น ‘หัวหน้า-เลขา’ภท.ซึ่งครัังที่แล้ว จุกอกมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่โดนฤทธิ์เดชของแก๊งดาวลูกไก่ในพปขร.งดออกเสียงสวนมติพรรค กระทั่งภท.เดือดปุยื่นคำขาด จนพปชร.ต้องสั่งถอดทุกตำแหน่งทางการเมือง ยกเว้นเก้าอี้ส.ส.ของกลุ่มมาแล้ว
ครั้งนี้’รองหนู’จะหนักกว่าครั้งก่อน เพราะเก้าอี้รัฐมนตรีสาธารณสุขยังไงๆก็ต้องตกเป็นเป้า แม้ภท.จะพยายามตีกัน อ้าง’รองหนู’ไม่ได้อยู่ในศบค. และคณะกรรมการจัดหาวัคซีน แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่ได้ลดลง เพราะถึงอย่างไร ก็ปัดความรับผิดชอบไม่ได้ ตั้งแต่ปล่อยปละละเลยให้โควิด 19 ระบาดหลายรอบ โดยเฉพาะรอบ 3
ปัญหาการกระจายวัคซีนโดยกรมควบคุมโรคที่ขึ้นตรงกับสธ. ไม่ตอบโจทย์ข้อเท็จจริงในหลายพื้นที่หลายจังหวัด แต่กลับไปกระจุกหรือได้มากในบางจังหวัดที่เป็นฐานเสียง กระทั่งเกิด’การเท’เลื่อนฉีดให้ประชาชนก่อเกิดเสียงวิจารณ์อึงมี่ มีเหตุการณ์วีไอพีและวีวีไอพีได้ฉีดก่อนคนวัย 60 ปีและกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง
ปัญหา’แทงม้าตัวเดียว’วัคซีนขาดแคลน ล่าช้าและไม่ตรงจำนวน ท่ามกลางกระแสข่าวผลประโยชน์มหาศาล ต่อเนื่องถึงเรื่องชุดตรวจเอทีเคที่ถูกเตะถ่วงมานาน และเมื่อมีการเปิดประกวดราคา ก็มีเรื่องขัดแย้งรุนแรงระหว่างชมรมแพทย์ชนบทกับรัฐบาลโดยสปสช.เรื่องคุณภาพ และอื่นๆ
‘รองหนู’จึงหนักกว่าครั้งก่อน และคราวนี้ตกอยู่กลางวงล้อม ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายค้านในสภา นอกสภายังมีการเคลื่ิอนไหวของแพทย์ และบุคคลากรทางการแพทย์ ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลและสธ.ซึ่งน้อยครั้งจะมีให้เห็น ขณะที่มวลชนนอกสภา และพรรคการเมืองนอกสภา อย่างไทยสร้างไทย ตลอดจนพรรคเพื่อไทยก็เคลื่ินไหวยื่นฟ้องตาม ม.157 กรณีโควิด 19
ต้องไม่ลืมด้วยว่า’รองหนู’เคยเป็นคู่แข่งสำคัญกับ’บิ๊กตู่’หลังการเลือกตั้ง มี.ค.62 โดยมีคะแนนนิยมเบียดกันไม่ห่าง และยังจะเป็นคู่แข่งสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่เปลี่ยนแปลง
ฉะนั้น ในทางการเมืองแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ที่สำคัญที่สุด บนเส้นทางการเมือง ไม่มีใครจะปล่อยให้คู่แข่งกลายไปเป็น’พยัคฆ์ติดปีก’ง่ายๆแน่นอน
เป้าหลักศึกซักฟอกหนนี้ จึงอยู่ที่’บิ๊กตู่’ แต่คนจุกอก จะเป็น’รองหนู’หนักกว่าใคร
ประจักษ์ มะวงศ์สา