ป.ป้อมนั่งร้านผุๆ
จะค้ำหนุน’บิ๊กตู่’ต่อหรือถอย
หลังน้อยใจ’ลูกรัก’โดนถอด
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ คือผู้พิทักษ์ปกปักษ์รัฐนาวาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตลอด 7 ปีกว่า และมีแนวโน้มจะครบ 8 ปี ในวันที่ 22 พฤษภาคม ปีหน้า
‘บิ๊กป้อม’เข้าสู่เวทีการเมืองเต็มตัวครั้งแรกในตำแหน่งรมว.กลาโหม รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญการเป็น’ป้อมทหารใหญ่’คู่แข่งสาย’วงศ์เทวัญ’ ที่ผูกขาดการขึ้นรั้งตำแหน่งสำคัญในกองทัพมาเนิ่นนาน
ช่วงแรกที่นั่งเก้าอี้รองนายกฯ ควบรมว.กลาโหม คุมทั้งกองทัพและตำรวจในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ การก่อหวอดลองของเคลื่อนไหวทั้งโดยฝ่ายการเมืองกลุ่มอำนาจเก่า กลุ่มการเมืองใหม่ชูประเด็นปฏิรูปกองทัพ และเยาวชนคนรุ่นใหม่ในรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ ชู 3 นิ้ว กินแซนด์วิช ใส่หน้ากากขาว ที่เกิดขึ้นถี่ราวดอกเห็ด ‘บิ๊กป้อม’จัดการได้หมดแบบอยู่หมัด เปิดทางให้รัฐบาล’บิ๊กตู่’เดินหน้าบริหารประเทศได้เต็มที่ โดยไม่ต้องคอยพะว้าะวงกับเรื่องเหล่านี้
กระทั่งไปพลั้งพลาดเรื่องแหวนแม่นาฬิกาเพื่อน ทำให้พล.อ.ประวิตรซวนเซอยู่พักหนึ่ง ท่ามกลางกระแสข่าว’พยัคฆ์หมดลาย’จะถูกปรับออกจากครม. แต่’น้องเล็ก’ก็ไม่คิดปรับออก แม้กระทั่งตั้งครม.ประยุทธ์ 2 หลังเลือกตั้งเดือนมีนาคม 62 ‘บิ๊กป้อม’ยังอยู่ในครม. เพียงแต่ถูกลดบทบาทจากคุม 2 หน่วยงานใหญ่ด้านความมั่นคง เหลือนั่งรองนายกฯอย่างเดียว
ถือเป็นช่วงเวลาที่เรียกว่าท้าทายอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ ที่นั่งควบและดูแลทหารและตำรวจแทน ทั้งก่อนและหลังการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่มีทั้งชุมนุมใหญ่จัดกิจกรรมทางการเมืองและแฟลชม็อบ แมัจะใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาเป็นตัวช่วย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อในระลอก 3 แต่ผู้ชุมนุมก็มีกลุ่มใหม่เข้ามาเพิ่ม ทั้่งทะลุฟ้า ทะลุแก๊ซ ยังไม่นับรวมคาร์ม็อบ ที่มี’หนูหริ่ง’มูลนิธิกระจกเงา และ’เต้น นปช.’เข้ามาเป็นแกนนำ แถมยังชุมนุมต่อเนื่อง และมีเรื่องปะทะกับตำรวจที่สามเหลี่ยมดินแดงทุกวัน ไม่มีทีท่าว่าจะยุติ
ว่ากันว่า หนักหนาและมีแรงต้านมากกว่าสมัย’บิ๊กป้อม’นั่งคุม จนวิตกกันว่า หากยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินจริง ไม่รู้สถานการณ์จะรุนแรงแค่ไหน
แต่ที่เริ่มปรากฎให้เห็น คือรอยร้าวเล็กๆในกลุ่ม 3 ป. โดยเฉพาะป.ป้อมกับป.ประยุทธ์ กรณีการเคลื่อนไหวของร.อ.ธรรมนัสรวบรวมส.ส.หวังคว่ำนายกฯกลางสภาฯญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก่อนจบด้วยการเด้งเลขาฯพปชร.ออกจากรัฐมนตรีพร้อมนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค โดยไม่ได้แจ้งให้พล.อ.ประวิตรทราบล่วงหน้า
นำไปสู่ความรู้สึก’น้อยใจ’ของพี่ใหญ่ เพราะทั้ง 2 คน ถือเป็น’ลูกรัก’ทั้งคู่ เทึยวไล้เทียวขื่อที่บ้านมูลนิธิป่ารอยต่อตลอด
ด้วยก่อนหน้านี้ มีการตั้งข้อสังเกตุแบบมีปริศนาค้างคาใจว่า ในเมื่อร.อ.ธรรมนัส คือมือขวาคนใกล้ชิด ฉะนั้น การเคลื่อนไหวเจรจารวบรวมเสียงส.ส.ในสภาฯ จะถล่มผู้นำรัฐบาล มีหรือที่หัวหน้าพรรคจะไม่ทราบเรื่องหรือรู้ระแคะระคาย
คำถามที่ตามมา คือ’บิ๊กป้อม’จะเอาอย่างไรต่อบนเส้นทางการเมือง ทั้่งในพรรคพลังประชารัฐที่นั่งเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ จะไฟเขียวให้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างและกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคไปเป็นคนใหม่แทนที่ร.อ.ธรรมมนัส หรือไม่
กับบนสายสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป.จะยังสนับสนุนและพร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่กับ’บิ๊กตู่’ต่อไปในการสู้ศึกเลือกตั้่งครั้งหน้า รวมถึงการเป็น’เสาค้ำยัน’ในการบริหารประเทศชาติกับ’ครม.ประยุทธ์ 3’หรือไม่
เพราะขณะนี้ อายุย่าง 77 ปีแล้ว หากรอถึงเลือกตั้งส.ส.ครั้่งหน้ากรณียู่ครบเทอม 4 ปี อายุจะเพิ่มเป็น 78 ปี ขณะที่เจ้าตัวก็ยอมรับเรื่องปัญหาสุขภาพมาตลอด
อายุที่เพิ่มขึ้นก็เป็นปัจจัยหนึ่ง แต่การ’ขาลอย’แม้จะมีสถานะเป็นหัวหน้าพรรค แต่แคนดิเดทนายกฯของพรรคกลับเป็นพล.อ.ประยุทธ์ ตรงนี้ก็สำคัญ
การถูกเปรียบเปรยเป็น’นั่งร้าน’เก่าๆที่ทรุดโทรมตามวันเวลา คอยค้ำยันให้คนอื่น อาจเป็นประเด็นที่’บิํกป้อม’ต้องตัดสินใจเอง
ประจักษ์ มะวงศ์สา