จากกรณีที่ น.ส.พิยดา ทองคำพันธ์ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทนายความส่วนตัว เข้ามอบตัวสู้คดีที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ในกรณีที่ก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายเป็นเด็กชายวัย 14 ปี จำหน่ายโทรศัพท์มือถือในราคา 5,000 บาท แล้วไม่ส่งของตามที่ตกลง เป็นเหตุทำให้เด็กชายคนดังกล่าวมีอาการเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต และยังพบว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก เบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันไม่ได้เป็นคนกระทำผิด ไม่เคยคุยและไม่เคยหลอกเด็ก รวมทั้งไม่รู้จักกับผู้ต้องหาเป็นหญิง 2 คนที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และไม่ได้จ้างให้เปิดบัญชีด้วย แต่ยอมรับว่าเป็นแม่ค้าออนไลน์ เคยขายโทรศัพท์มือสองมาก่อน แต่หยุดขายไปแล้วตั้งแต่ปีก่อน ทรัพย์สินทุกอย่างได้มาจากการขายออนไลน์ทั้งนั้น
ต่อมา น.ส.พิยดา สาววัย 19 เปิดปากซัดทอดครอบครัวแฟนหนุ่มเป็นตัวการใหญ่แก๊งหลอกขายโทรศัพท์มือถือออนไลน์ ยืนยันตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ถูกแอบอ้างชื่อนำไปใช้ตุ๋นเหยื่อและโยนความผิดให้เพียงผู้เดียว ยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว “น้องก้อง” ผู้เสียหาย ขณะที่ ตร.ทำเรื่องฝากขังที่ศาลคัดค้านประกันตัวเนื่องจากหวั่นเกรงจะหลบหนี
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 ก.ย.มีรายงานว่า ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ได้ออกมากล่าวถึงควาบคืบหน้าในการสืบสวนคดีดังกล่าวว่า ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีความห่วงใยผู้ที่ได้รับความเสียหายในกรณีที่ซื้อสินค้าจากผู้ใช้ IG ชื่อ Phonebymint หากผู้เสียหายท่านใดที่อยู่ใกล้กับ บก.สอท.เมืองทองธานี สามารถเข้าแจ้งความได้ทันที สำหรับประชาชนที่อยู่ไกลก็สามารถเข้าแจ้งความในพื้นที่ สภ.ใกล้บ้านได้ทั่วประเทศ ในส่วนนี้ทาง บก.สอท.จะเป็นผู้สนับสนุนข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา
โดยกระบวนการก่อนหน้านี้ สภ.นาหวาย จ.เชียงใหม่ รับแจ้งความจากผู้เสียหายพ่อแม่ของน้องก้อง วัย 14 ปีที่เสียชีวิต ก่อนประสานกับ บก.สอท.ให้ร่วมสอบสวน จนขออนุมัติศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับผู้ต้องหาหญิง 2 ราย อายุ 18-19 ปีที่ถูกจับก่อนหน้านี้ จากนั้น บก.สอท.ขยายผลขออำนาจศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าค้นบ้านแฟนหนุ่มของ น.ส.พิยดา พร้อมอายัดทรัพย์สิน บ้าน รถยนต์ คอมพิวเตอร์ และกระเป๋าแบรนด์เนมมูลค่าหลายล้านบาท และพบเบาะแส น.ส.พิยดาหลบหนี ก่อนจะเข้ามอบตัวที่สภ.นาหวาย อยู่ระหว่างการดำเนินคดี
นอกจากนี้ ตำรวจยังพบข้อมูลบางที่มีผู้เสียหายอยู่ในพื้นที่ สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี จนศาลอนุมัติออกหมายจับ น.ส.พิยดา อีก 2 หมาย มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 53 คนจากทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
เมื่อถามว่าภายหลังจากควบคุมผู้ต้องหา และครอบครัวของแฟนเข้ามาสอบปากคำ แต่มีการกล่าวอ้างให้ข้อมูลขัดแย้งกันไปมา พล.ต.ต.กานตพงศ์กล่าวว่า ไม่เป็นอุปสรรคในการสืบสวนสอบสวน เพียงแค่อาจจะทำให้ตำรวจเสียเวลาในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้ บก.สอท.จะสืบสวนต่อว่าบุคคลใดที่ให้ข้อมูลเป็นไปตามข้อเท็จจริง แต่ตำรวจมีข้อมูลว่า น.ส.พิยดา มีประวัติเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาถึง 3 คดี จึงมีเหตุเชื่อได้ว่า น.ส.พิยดาคือผู้บงการ แต่การดำเนินคดีต่อบุคคลอื่นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดี