ฉก.ม.4 กองกำลังผาเมืองสกัดแรงงานผิดกฎหมาย 25 คนในพื้นที่ ต.แม่งอน อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่ผู้บัญชาการกองกำลังฯ เข้าหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อวางมาตรการสกัดแรงงานผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน
วันที่ 14 ต.ค.64 เวลา 08.00 น. พล.ต.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก พ.อ.วีระชัย ผองแก้ว ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 ว่า จากการปฏิบัติภารกิจในการลาดตระเวนตามแนวชายแดน เพื่อสกัดกั้นการลักลอบค้ายาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ ของกองร้อยทหารม้าที่ 3 กองบังคับการควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 กองกำลังผาเมือง ( ร้อย.ม.3 บก.ควบคุมที่ 2 ฉก.ม.4 ) เมื่อ 14 ต.ค.64 เวลา 2130 ขณะที่ออกลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ บริเวณ บ.หลวง ต.แม่งอน อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ตรวจพบกลุ่มคนเดินลัดเลาะตามป่า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบพบผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สัญชาติเมียนมา จำนวน 25 คน เป็นชาย 18 คน และหญิง 7 คน
จากการสอบถามกลุ่มบุคคลดังกล่าว ทราบว่าทั้งหมดได้เดินทางมาจาก ม.กึ๋ง และ บ.ราชิว สมม. โดยจะลักลอบเข้าประเทศไทยเพื่อเดินทางไปหางานทำในพื้นที่ กทม. หน่วยจึงได้ทำการควบคุมตัว พร้อมประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจาก รพ.สต.อ่างขาง เพื่อทำการคัดกรอง ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ โควิด – 19 บริเวณ หน้าฐานปฏิบัติการบ้านหลวง ต.แม่งอน อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่. เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เปิดเผยว่า ได้นำคณะเสนาธิการของกองกำลังผาเมือง เข้าพบนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหารือการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ 5 อำเภอชายแดน ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองกำลังผาเมือง และปัจจุบันได้นำกำลังจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 เข้าปฏิบัติงานในการป้องกันประเทศ เพื่อทำหน้าที่ในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ,การสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ตามแผนงานรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยเฉพาะการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควัน ซึ่งปัจจุบันกองกำลังผาเมืองได้จัด ชุดปฏิบัติการดับไฟป่า จำนวน 57 ชุดปฏิบัติการ เพื่อเตรียมความพร้อมในพื้นที่ ก่อนเปิดการท่องเที่ยววันที่ 1 พ.ย.64
ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้มอบให้กองกำลังผาเมืองบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับฝ่ายปกครอง ตำรวจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ชายแดน เพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น