วันนี้ (4 พฤศจิกายน) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์รายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ดำเนินรายการโดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เผยแพร่ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30
.
กรณีพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์คืนวันที่ 31 ตุลาคม ลงนามโดย ชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ถึงปัญหาการใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 116 ต่อมา ทักษิณ ชินวัตร โพสต์เฟซบุ๊ก วันที่ 2 พฤศจิกายน ว่าปัญหาคือคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม กรณีดังกล่าวพรรคเพื่อไทยจะอธิบายอย่างไร
.
นพ.ชลน่านกล่าวว่า เจตนารมณ์และจุดยืนของพรรคที่ออกแถลงการณ์เป็นจดหมายเปิดผนึกไปเมื่อคืนวันที่ 31 ตุลาคม จาก ชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ชัดเจนในเนื้อหาสาระอยู่แล้วว่าเราเองมีความมุ่งมั่นที่จะรับข้อเสนอข้อร้องเรียนของทุกฝ่ายทุกคนโดยเฉพาะน้องๆ ที่เห็นว่าเขาถูกกระทำโดยการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ถูกใช้กฎหมายมาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ มาเป็นเครื่องมือในการจะลงโทษเขา แค่เพียงเพราะมีความคิดเห็นต่างทางการเมืองเท่านั้นก็กลายเป็นนักโทษทางความคิดไป
.
อันนี้เราเห็นว่ามันไม่ชอบ กระบวนการบังคับใช้กฎหมายไม่ชอบ ไม่เป็นธรรม ทำให้คนเดือดร้อน ทำให้เกิดความแตกแยก ซึ่งเสียหายทุกฝ่าย กระทบทุกฝ่ายเลย อันนี้เราแถลงชัดเจน ยืนยันเจตนารมณ์อย่างนี้
.
เราก็เห็นว่าสิ่งที่จะเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในฐานะพรรคการเมือง มีหน้าที่อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ก็พร้อมที่จะรับเรื่องเหล่านั้นเข้าสู่สภา เพื่อนำสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาตามประเด็นที่เขายื่นเข้ามา นี่มีความชัดเจนอยู่ในตัวอยู่แล้ว
.
“ไม่ได้ถอยหรือไม่ได้ยกเลิกเจตนารมณ์นั้นนะครับ ผมเองเมื่อวานนี้ก็พูดประเด็นนี้ซ้ำเข้าไปอีกว่ายังเป็นเจตนารมณ์เดิมอย่างนั้นอยู่”
.
ผู้ดำเนินรายการถามต่อไปว่า อ่านแถลงการณ์ฉบับ ชัยเกษม นิติสิริ แล้วแปลความว่าพรรคเพื่อไทยประกาศเป็นสัญญากับประชาคม จะใช้ความเป็นพรรคที่มี ส.ส. มากที่สุดในสภาขับเคลื่อนการแก้กฎหมายมาตรา 112 และ 116 อ่านแล้วเข้าใจแบบนั้น
.
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ถ้าจะอ่านแล้วตีความอย่างนั้นก็ไม่ได้คลาดเคลื่อนอะไร เพราะการที่เขียนอย่างนั้นก็มีกระบวนการที่จะแก้ไขในรัฐสภา ไม่เฉพาะการแก้ไขตัวบทกฎหมายอย่างเดียว นั่นหมายความว่า ถ้าน้องเขาเห็นว่าเขาถูกกระทำโดยการนำกฎหมายนี้มาบังคับใช้โดยมิชอบ เขาต้องการให้แก้ไข ต้องการให้ยกเลิก ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่เขายื่นเข้ามา แต่ปัญหาหลักขณะนี้เพื่อระงับยับยั้งการบังคับใช้ที่มิชอบ อันนี้เป็นเรื่องแรกก่อน
.
ทำอย่างไรให้การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ไม่ไปเอาผิดเอาโทษที่มีลักษณะการใช้อำนาจล้นเกินที่เป็นกระบวนการบังคับใช้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการตำรวจ กระบวนการชั้นอัยการ แม้กระทั่งการพิจารณาของฝ่ายตุลาการ
.
กระบวนการเหล่านี้ควรจะถูกเข้าไปตรวจสอบระงับยับยั้งก่อน แล้วก็เอาคนที่ถูกกระทำ ถูกบังคับโทษ ให้ได้รับความเป็นธรรมออกมาก่อน นี่เป็นกระบวนการแรก เพราะกระบวนการการแก้ไขในสภา อะไรที่ทำได้เร็วที่สุดเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เราก็หมายความรวมถึงเรื่องนั้นด้วย รวมถึงถ้าเขายื่นเรื่องกฎหมายมา เราก็ยินดีรับเข้าสู่กระบวนการ เป็นไปตามกระบวนการแก้ไขกฎหมาย
.
“ส่วนว่าจะแก้ไขอย่างไร ก็เป็นไปตามรายละเอียดที่เขายื่นเข้ามาว่าประเด็นอะไร และสภาเห็นเป็นอย่างไร อันนี้ก็ขึ้นกับกระบวนการของสภาไป เพราะว่าเราเอง เราไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าผมแก้ให้ได้นะ ถ้าพูดแบบนั้นเป็นการพูดเกินหน้าที่” นพ.ชลนน่านระบุ
.
นพ.ชลนน่านกล่าวอีกด้วยว่า ฝ่ายนิติบัญญัติก็พยายามผลักดันสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม เพราะว่าการใช้กฎหมายมิชอบ โดยเฉพาะการดึงเอาสถาบันฯ มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง รัฐบาลชุดนี้แย่สุดคือการเอาสถาบันฯ มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง เรื่องนี้เราต้องปกป้องไม่ให้เอาสถาบันฯ มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ต้องปรับปรุงแก้ไขในมุมนั้นด้วย
.
“ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทรงอยู่เหนือการเมืองนะครับ แต่รัฐบาลชุดนี้มันชัดเจนมากจนกระทั่งทำให้เกิดปัญหา กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ดึงมาใช้เป็นเครื่องมือ อันนี้พวกเราคนไทยต้องช่วยกันปกป้องให้กฎหมายเป็นกฎหมายปกป้องคุ้มครองสถาบันฯ จริงๆ ไม่ตกเป็นเครื่องมือ อะไรที่มันคลุมเครือก็ต้องไปดูครับ” นพ.ชลน่านกล่าว
.
ผู้ดำเนินรายการถามว่า สรุปพรรคเพื่อไทยจะเสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 116 หรือไม่
.
นพ.ชลน่านตอบว่า เราเองไม่เคยมีความคิดที่จะเป็นผู้ยกร่างในเรื่องนี้ เราเพียงแต่ถ้าเห็นว่ามีฝ่ายไหนที่ส่งเข้ามา เช่น ฝ่ายประชาชนส่งเข้ามาก็ถือว่าเป็นปัญหา เพราะเรามองในมุมการที่จะปกป้องคุ้มครองสถาบันฯ มีทั้งแรงสนับสนุน แรงต่อต้าน ซึ่งถ้าเราไปกระทำเอง เราในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทย เหมือนกับไม่ฟังเสียงรอบด้าน เราฟังเสียงรอบด้านทั้งผู้สนับสนุนและผู้ต่อต้าน เรารับเข้ามาหมดแล้วก็ตัดสินในรัฐสภา
.
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์พร้อมเด้งรับข้อเสนอแก้มาตรา 112 และ 116 ของเด็กๆ คำว่าเด้งรับ มีรูปธรรมที่จะขับเคลื่อนอย่างไร
.
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสารตั้งต้นที่ทางน้องๆ หรือผู้เดือดร้อนส่งมา ขณะนี้เขารวบรวมรายชื่อเข้าชื่อเสนอการแก้ไข หรือบางมุมก็ขอให้ยกเลิก อันนี้เป็นสารตั้งต้นที่เขาส่งเข้ามาแล้ว กระบวนการก็ดำเนินการไปตามนั้น เพราะมีช่องทางของการนำเข้าสู่สภาแน่นอน การผลักดันเข้าสู่สภาถ้าไม่อาศัยเสียงสมาชิกช่วยผลักดันบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระก็ไม่เป็นผล เบื้องต้นต้องผลักดันเข้าสู่ระเบียบวาระให้ได้ก่อน การพิจารณาก็ว่ากันไปตามกระบวนการของรัฐสภา
.
ผู้ดำเนินนรายการถามต่อไปว่า รูปธรรมคือ ถ้าน้องๆ รวมตัวเข้าชื่อกันเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 112 และ 116 พรรคเพื่อไทยก็พร้อมจะผลักดันเข้าสู่วาระการประชุม ส่วนจะจบอย่างไรก็เป็นเรื่องของกระบวนการ ใช่หรือไม่
.
นพ.ชลน่านตอบว่า “ใช่ครับ เป็นกระบวนการของรัฐสภาที่จะต้องใช้กลไกตามที่บัญญัติไว้ ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหน้าที่และอำนาจอย่างนั้นอยู่แล้ว
.
เราประกาศว่าเราจะแก้ เป็นการประกาศเจตนารมณ์แล้วทำไม่ได้ ซึ่งส่งผลทั้งบวกทั้งลบ ส่วนใหญ่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องลบมากกว่า เพราะว่าร่องรอยของการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ รัฐบาลชุดนี้ทำให้เสียหายมาก เราต้องช่วยกันปกป้องตรงนี้
.
สิ่งแรกสุด นอกจากระงับยับยั้งไม่ให้ใช้กลไกการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่ชอบแล้ว คนบังคับใช้กฎหมายก็ต้องรับผิดชอบด้วย เราควรไล่คนกลุ่มนี้ออกไป ไม่ใช่มาทะเลาะกันเองหรือมาว่ากันเอง
.
คนที่ใช้กฎหมายมิชอบนี่แหละต้องถูกจัดการและถูกพี่น้องประชาชนประณาม”
.
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า ทักษิณ ชินวัตร โพสต์เฟซบุ๊ก มีผลให้พรรคเพื่อไทยแกว่ง จะอธิบายกับสังคมอย่างไร การแสดงท่าทีเพื่อไทยหลังจากนั้นเพราะเพิ่งคิดได้หรือถูกทักษิณสะกิด
.
นพ.ชลน่านกล่าวว่า “จริงๆ ท่าทีสุดท้ายที่ผมแถลงเมื่อวาน สืบเนื่องมาจากแถลงการณ์ฉบับแรก เพียงแต่มาเน้นย้ำในนามของพรรคเพื่อไทยและเน้นย้ำในนามพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าเรามีความเห็นร่วมกันเช่นนี้ เป็นมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่าจุดยืนโดยรวมภาพใหญ่เป็นอย่างนี้ เราไม่ก้าวล่วงการตัดสินใจแต่ละพรรคแต่ละบุคคลที่เป็น ส.ส. อันนี้เป็นประเด็นที่เราได้พูดไปแล้ว
.
เรื่องแกว่งหรือไม่แกว่งอย่างไร เรายอมรับความคิดเห็นของสังคมที่หลากหลาย มันย่อมเกิดขึ้นได้อยู่แล้วครับ เพราะว่าการตีความในมุมของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป แต่โดยสรุปนะครับ เพื่อไทยยังมีจุดยืนเหมือนเดิม ความคิดเห็นของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณก็ให้ความเห็นตามที่ประสบเป็นมุมข้อเท็จจริงที่ท่านประสบ ในสมัยก่อนตัวกฎหมายฉบับนี้ไม่เคยมีปัญหามาเลย เพราะการบังคับใช้ไม่มีปัญหา ไม่ใช่หมายถึงตัวสาระนะครับ แต่หมายถึงตัวกฎหมายฉบับนี้ในสมัยก่อนไม่เคยมีปัญหาเช่นนี้ ความหมายเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่บอกว่าตัวบทไม่มีปัญหา ทักษิณไม่ได้พูดแบบนั้น เท่าที่ดูในเนื้อหาซึ่งโพสต์เป็นสาธารณะใครๆ ก็เข้าไปดูไปอ่านได้”
.
ผู้ดำเนินรายการถามต่อไปว่า พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับมุมมองของทักษิณหรือไม่
.
นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราเห็นด้วยกับมุมมองการแสดงออกของทุกคน แล้วก็ไม่ได้มีข้อขัดแย้งอะไร ตามที่เราพูดไปตั้งแต่แรกว่าเราเน้นที่กระบวนการการบังคับใช้กฎหมายที่แย่ที่สุดเป็นเหตุ ทักษิณพูดประเด็นนี้เป็นหลักแก้ตรงนี้ก่อน ส่วนเรื่องตัวกฎหมายก็ไปว่ากันในรายละเอียดถ้ามันเปิดช่อง เป็นการตีความที่กำกวม ระวางโทษที่ไม่เหมาะสม อันนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐสภาที่จะต้องเข้าไปดู
.
“แล้วแต่สารตั้งต้นหรือร่างที่เขาส่งเข้ามาว่าเขามุ่งประเด็นอะไร เพราะว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเยอะ เรื่องสถานะกฎหมาย เรื่องความมั่นคง เรื่องวิธีการพิจารณา เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ” นพ.ชลน่านกล่าวในที่สุด
.