ยังคงเป็นปริศนาว่า เรือลึกลับมาจากไหน หลังเจ้าหน้าที่แท่นขุดเจาะน้ำมันว่าพบเรือไร้สัญชาติลอยเข้าใกล้แทนเจาะ จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบเป็นเรือเหล็กชื่อ FIN SHUL YUEN 2 ห่างจากปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา 100 กว่ากิโลเมตร
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรือลำดังกล่าว พบเป็นเรือสินค้า ความยาวประมาณ 80 เมตร แต่ไม่มีสินค้าในระวาง ไม่มีหมายเลขเรือ ไม่มีการพักอาศัยของคนประจำเรือ ไม่มีสมอและโซ่ สภาพมีน้ำท่วมขังภายใน น้ำทะเลเข้าท่วมภายในห้องเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า และเครื่องจักร ตัวเรือเอียงประมาณ 35 องศา
พลเรือโทสุนทร คำคล้าย ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 2 ร่วมกับศูนย์อำนวยการผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 ในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการนำเรือกลับเข้าฝั่ง ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2565 โดยได้นำรือ ต.113 เข้าเทียบเรือเพื่อสูบน้ำออกจากเรือมาตลอดและได้ส่งเรือหลวงตาปี เข้ารับช่วงต่อในการดูแลสูบน้ำ และอุดปะค้ำจุนรอยรั่วในตัวเรือที่ตรวจพบ
หลังจากสูบน้ำลดลงเหลือประมาณ 1.5 เมตรจากท้องเรือ พบรอยรั่วขนาดใหม่เป็นรอยฉีกขาดของตัวเรือความยาวประมาณ 3 ฟุต และรอยรั่วลักษณะเป็นรูพรุนพื้นที่ขนาด 1 ตารางเมตร อยู่ในระดับแนวน้ำในเรือ ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะมีรอยรั่วอื่น ๆ อีก เนื่องจากยังคงมีน้ำเข้าตัวเรืออยู่ตลอดเวลา และการค้นหารอยรั่วทำให้ลำบาก เนื่องจากสภาพคลื่นลมแรงเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน อีกทั้งใต้ท้องเรื่อยังมีน้ำที่ปะปนน้ำมันส่งกลิ่นเหม็นตลอดเวลา เรือหลวงตาปีได้ประคองเรือไร้สัญชาติมาตลอดทาง พร้อมส่งเรือหลวงหลีเป๊ะ ซึ่งเป็นเรือลากจูงขนาดใหญ่เข้าไปสมทบ
ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 8 มกราคม เรือดังกล่าวได้จมลงสู่ก้นทะเล บริเวณ แลต 9 องศา 04.1 ลิปดาเหนือ ลอง 100 องศา 24.0 ลิปดาตะวันออก หรือ ในแบริ่ง 090 ระยะ 28 ไมล์จากฝั่งอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช บริเวณจุดที่เรือจมน้ำมีความลึก 30 เมตร จึงได้สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 2 ส่งเรือหลวงท้ายเหมืองพร้อมเจ้าหน้าที่ประดาน้ำ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ เจ้าหน้าที่ EOD รวม 10 นาย ออกไปเพื่อปฏิบัติการค้นหาเรือที่จมอยู่ใต้น้ำ ทำการผูกทุ่นแสดงจุดที่เรือจม ตรวจสอบลักษณะของเรือที่จมที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางเดินเรือ คาดว่าเรือจะถึงจุดที่เรือจมในเวลา 11.00 น. วันนี้
นอกจากนี้เรือหลวงตาปีได้เฝ้าสังเกตุ ติดตามคราบน้ำมันที่ออกมาจากเรือ พบคราบน้ำมีลักษณะเป็นเหมือนแผ่นฟิล์มบาง ๆ มีความกว้างประมาณ 500 หลา ซึ่งในส่วนนี้ ศูนย์อ้านวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 ได้สั่งการให้ ศรชล.จังหวัดนครศรีธรรมราช ติดตามประเมินผล และเตรียมการบูรณาการหน่วยงานในโครงสร้างศรชล. ในการขจัดคราบน้ำมันเพื่อไ่ม่ให้ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ขณะนี้ได้จัดให้เรือหลวงตาปี และเรือจำนวนหนึ่งเฝ้าพิกัด และประสานกองทัพเรือ และเจ้าท่าจังหวัดนครราชสีมา ประกาศเป็นพื้นที่เรือจม เพื่อให้ชาวประมง ระมัดระวังในการเดินเรือ และขณะนี้เกิดคราบน้ำมันบริเวณดังกล่าว แม้จะไม่มีปริมาณมาก แต่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ ซึ่งกำลังเร่งขจัดคราบน้ำมัน ภายในระยะ 2 – 3 วันนี้ เพราะจากทิศทางลมและคลื่นอาจจะพัดคราบน้ำมัน ไปทางเกาะมัดสุ่ม ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 30 ไมล์ทะเล จึงมีความจำเป็นต้องเร่งขจัด เพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยว