12 ก.พ.2565 – นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) เสนอให้รวบรวมข้อมูล เพื่อเอาผิด ส.ส.ทำสภาฯล่ม ว่าเห็นด้วยอย่างยิ่งกับนายสมชาย ถึงเวลาที่ประชาชน ผู้เป็นนายจ้างตัวจริง เสียงจริง จะต้องดำเนินการจัดการกับพวก ส.ส.สันหลังยาว เสียที เพราะทุกคนรับเงินเดือน ครบทุกบาท ทุกสตางค์ แต่ไม่ยอมทำงานตามที่นายจ้างนั้นได้ว่าจ้างไว้
นายเสกสกล กล่าวต่อว่าแบบนี้เป็นอันว่า ส.ส.เหล่านี้ทุจริตต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง ผิดต่อจรรยาบรรณ การทำหน้าที่อย่างยิ่ง ส.ส. อันได้ชื่อว่าผู้ทรงเกียรติ แต่เวลานี้หลายคนทำตัวยิ่งกว่ากุ๊ยข้างถนนเสียอีก ถึงเวลาทำงานก็ไม่ทำงาน ซ้ำยังเอาหน้าที่การงานมาเป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และนายใหญ่ของตัวเอง แบบนี้จะอยู่ไปทำอะไร
“หากมีนักกฎหมายคนใด หรือประชาชน ที่พร้อมจะเดินหน้าดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ผมพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ จะต้องให้บทเรียนกับ ส.ส.สันหลังยาวพวกนี้เสียบ้าง ว่าถึงเวลานายจ้างตัวจริงเขาไม่ทนอีกต่อไป ถึงเวลาที่ประชาชนต้องแสดงออกอย่างชัดเจนเสียทีว่า ไม่ต้องการ ส.ส. ที่ทำเพื่อตัวเอง และพวกพ้อง แต่ประชาชนต้องการ ส.ส. และนายกฯที่ทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมือง เพื่อประชาชนอย่างแท้จริงๆ แบบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ดังนั้นหากมีนักกฎหมาย หรือ ประชาชนจะดำเนินการเรื่องนี้ สามารถประสานมาที่ผมได้ตลอดเวลา ยินดี ช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อจัดการ กับส.ส.บางคนบางพรรคที่ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบต่อประชาชนเหล่านี้ไม่ให้มีที่ยืนในสภาอันทรงเกียรติต่อไป ”นายเสกสกล กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)โพสต์เฟซบุ๊กว่า ปัญหาสภาล่ม17ครั้งแก้ไม่ยาก ไม่ต้องยุบสภาแต่ต้องแก้เด็ดขาด ถึงคราวประชาชนต้องจัดหนักจัดเต็ม
“หน้าที่ของสมาชิกสภาคือการเข้าประชุมเพื่อทำหน้าที่ การที่สมาชิกเข้าอยู่ในที่ประชุมแล้วไม่แสดงตนเพื่อไม่ให้นับตนเป็นองค์ประชุม เป็นการจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้สภาเสียหาย ทำไมไม่ผิด157 ทำไมไม่ผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง”
ลูกจ้างที่ลาป่วยเป็นนิจ ลากิจเป็นประจำ ขาดงานเป็นอาจิณ
นายจ้างยังต้องไล่ออก?
เหตุใดนายจ้างตัวจริงประชาชนผูเสียภาษี ไม่คิดไล่ออกผู้แทนที่ชอบล่มสภากันบ้าง? ผมเคยเสนอทางออกเรื่องนี้แบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นมาแล้ว3ข้อคือ แก้ไขรัฐธรรมนูญข้อบังคับและพระราชกฤษฎีกาดีๆไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากเพราะ“เสือย่อมไม่กินเนื้อเสือ แมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวัน
ฝากบอกนายกลุงตู่ว่าไม่ต้องคิดยุบสภา ตามที่คนเดินเกมให้เสียงบประมาณเลือกตั้งใหม่กัน อยู่ยาวเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคปลายปีไปเลยครับ
แค่นายจ้างตัวจริง หาคนรวบรวมข้อมูลนำข้อกฎหมายร้องต่อปปชให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนเอาผิดจริยธรรมร้ายแรงและส่งดำเนินคดีต่อศาลฎีกาก็พอครับ
โดยมีข้อกฎหมายและแนวทางดำเนินการ 4 ขั้นตอน ดังนี้
1)ยื่นคำร้องต่อสภา เพื่อตรวจสอบรายชื่อและพฤติกรรมว่ามีใครบ้าง ที่ไม่ร่วมประชุมไม่ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมหรือลงมติ เป็นประจำ จนถือเป็นการจงใจทำให้สภาผู้แทนราษฎรล่ม17ครั้ง และเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายหรือขัดขวางให้สภาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ทางนิติบัญญัติได้
2)ตรวจสอบและสรุปการกระทำของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้นว่า เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 234(1) และมาตรา 235 (1) ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 28 (1) และมาตรา 87 และมีความผิดร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระฯ พ.ศ.2561 หมวด 1 ข้อ 7 หมวด 2 ข้อ 12 ข้อ 17 ข้อ21 และข้อ22 และข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎรราษฎรและกรรมาธิการ พศ 2563 ข้อ 4 ข้อ7 ข้อ8 ข้อ14 หรือไม่
3)ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช) ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ หากปปชมีมติชี้มูลความผิด ปปชต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยต่อไป
4)เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งให้รับคำร้องไว้ สส หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที!
และหากศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าเป็นการกระทำผิดฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง สส หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ต้องพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และอาจถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปีด้วย
งานนี้อาจมีสสต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือหลุดเก้าอี้เว้นวรรคการเมือง10ปีเป็นร้อย
ปล : ไม่สงวนสิทธิที่ประชาชนผู้เสียภาษีที่เป็นนายจ้างโดยตรงของส.ส ส.ว. และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะนำข้อกฎหมายและข้อเสนอแนะนี้ไปศึกษาหรือยื่นร้องต่อคณะกรรมการปปช.โดยตรง