แหล่งข่าวภายในทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส หรือ ‘ปาแลเดอเลลีเซ’ เผยกับผู้สื่อข่าวของ CNN วานนี้ (3 มีนาคม) ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้พูดคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส นาน 90 นาที และบอกว่าเขาจะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในยูเครนต่อไป
แหล่งข่าวเผยด้วยว่าปูตินยังบอกกับมาครงว่า “สิ่งที่เลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึงยูเครน”
การสนทนาของทั้งสองทำให้บรรยากาศดูอึมครึม โดยผู้นำฝรั่งเศสมองในแง่ลบเช่นกันว่ายูเครนอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งขึ้น
ด้านสำนักข่าว TASS ของทางการรัสเซียรายงานว่า ปูตินและมาครงแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนอย่างตรงไปตรงมา
ขณะที่สำนักข่าว RIA-Novosti ของทางการรัสเซียอีกเช่นกันระบุว่า การหารือมีความยากลำบาก โดยปูตินกล่าวหายูเครนว่าบ่อนทำลายข้อตกลงมินสก์ ซึ่งเป็นกระบวนการสันติภาพที่สิ้นสุดลงหลังรัฐบาลรัสเซียให้การรับรองสถานะรัฐอิสระให้แก่แคว้นลูฮันสก์และโดเนตสก์ของยูเครนเมื่อเร็วๆ นี้
RIA-Novosti รายงานด้วยว่า ปูตินเตือนชาติตะวันตกว่าหากการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อ มอสโกจะยื่นข้อเรียกร้องใหม่ต่อเคียฟ และบอกว่า “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” ในยูเครนจะดำเนินต่อไป
ขณะที่แหล่งข่าวทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสเผยว่า ปูตินยืนกรานปฏิเสธเกี่ยวกับการบอมบ์โจมตีกรุงเคียฟในช่วงที่ผ่านมา และเตือนว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายลง ซึ่งเป็นความผิดของยูเครน
ด้านมาครงเตือนปูตินว่าเขาทำผิดพลาดมหันต์ มาครงย้ำด้วยว่าข้อเรียกร้องของรัสเซียในการให้ยูเครนเป็นกลางและปลอดทหารนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ซึ่งความขัดแย้งครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะปูตินทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม มาครงระบุว่ายังมีเวลาพอสำหรับการทูตและการเจรจาเพื่อแก้ไขสิ่งที่รัสเซียกังวล ซึ่งรวมถึงผลประโยชน์ของรัสเซีย แต่ย้ำว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นไม่ได้หากอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย และการเจรจาจะต้องจัดโดยหุ้นส่วนนานาชาติ
โดยมาครงยังขอให้ปูตินเคารพประธานาธิบดียูเครน ครอบครัวของเขา รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และ ส.ส. ที่ได้รับเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากมาครงเสร็จสิ้นการสนทนากับปูตินแล้ว เขาได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนต่อ