เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ให้ใช้คุกลับในไทย ! อดีตนักข่าวตปท.แฉทักษิณ ให้CIAทรมานผู้ต้องสงสัย ทั้งที่ผิดกฎUN

#ให้ใช้คุกลับในไทย ! อดีตนักข่าวตปท.แฉทักษิณ ให้CIAทรมานผู้ต้องสงสัย ทั้งที่ผิดกฎUN

4 March 2022
336   0

   4 มี.ค.2565- นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กSutin Wannabovorn ว่าวิกฤตรัสเซียยูเครนอุปทูตสหรัฐไร้มารยาท ทักษิณพยาบาทประเทศไทย

เห็นทวิตเตอร์ของนายไมเคิ่ล ฮีธ อุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยถ่ายรูปหมู่ในสถานทูตยูเครน ข้างหน้ารูปหมู่มีผืนผ้าสีฟ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษมีใจความ “ยืนหยัดอยู่คู่กับยูเครน”

อุปทูตสหรัฐเขียนบรรยายภาพว่า “ข้าพเจ้ากับทูตจากประเทศอื่นๆมาเยือนสถานทูตยูเครนในกรุงเทพฯเพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนในการต่อต้านการรุกรานที่เตรียมการล่วงหน้าและโหดร้ายทารุณ ยูเครนเป็นประเทศประชาธิปไตย มีบูรณภาพเหนือดินแดน และสันติ”

พฤติกรรมของอุปทูตฯแสดงออกถึงการปลุกระดมปลุกปั่นให้ต่อต้านการรุกรานยูเครนในประเทศใดประเทศหนึ่ง ถือเป็นการเสียมารยาททางการทูตอย่างไร้แรง เพราะนอกจากปลุกระดมให้ต่อต้านการรุกราน แลัวยังยุยงให้มีการรบราฆ่าฟันกันต่อไป และ แสดงเป็นนัยถึงการกดดันประเทศไทยให้เลือกข้าง

การแสดงออกของอุปทูตสหรัฐประจำประเทศไทยสอดรับกับการแสดงออกของนักโทษหนีคุกนายทักษิณ ชินวัตรที่พูดว่า “ทำไมประเทศไทยไม่กล้าประณาม (รัสเซีย) โดยอ้างความจำเป็น ว่าต้องปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติ ต้องถามนายทักษิณและอุปทูตสหรัฐว่า ตอนที่สหรัฐยิงถล่มประเทศอิรัก ก่อนส่งกำลังทหารเข้ารุกรานทำลายประเทศอิรักพินาศวอดวายทำให้คนตาย 500,000 กว่าคน ตอนนั้นประเทศไทยได้เรียกให้นานาชาติประณามสหรัฐอเมริกาไหม? สถานทูตไทยที่มีอยู่ทั่วโลกได้มีปฏิกิริยาต่อต้านสหรัฐไหม? ไม่มีเลยเพราะไทยเป็นประเทศอารยะที่มีมารยาททางการทูตอบรมสั่งสมกันมาก่อนอเมริกาจะมีประเทศด้วยซ้ำ

ส่วนนายทักษิณ นอกจากไม่มีมารยาทเหมือนอุปทูตแล้วมักพูดอะไรก็ได้ที่ทำให้ประเทศไทยเสียหายอยู่เป็นอาจินต์ หรือเป็นเพราะนายทักษิณมีศีลเสมอกันกับอเมริกา จึงคบหาเป็นบริวารเป็นเจ้านายร่วมกันได้

ในปี 2546 นายทักษิณ ส่งทหารไทยไปร่วมรบกับอเมริกาในสงครามรุกรานสังหารชาวอิรักและทำลายประเทศชาติของเขาพังพินาศและนายทักษิณคนนี้แหละที่อนุญาตให้เครื่องบินรบของกองทัพสหรัฐ แวะเติมน้ำมันและซ่อมบำรุงที่อู่ตะเภา ก่อนบินไปทิ้งระเบิดสังหารชาวอิรักและชาวอัฟกานิสถาน

ในระหว่างสงครามรุกรานอิรักมีรายงานว่าทหารอเมริกันนับพันนายได้มาวางกำลังหมุนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่ที่อู่ตะเภา และนายทักษิณคนนี้แหละที่เปิดทางให้ทหารอเมริกันบินข้ามหัวหน่วยงานมั่นคงของไทยมาจับตัวนายอัมบาลี ที่ใจกลางเมืองอยุธยาแล้วพาตัวผู้ต้องสงสัยไปขังทรมานในคุกนรกกวนตานาโม เวลานั้นนายทักษิณได้ปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติไหม ?

ตอนที่อนุญาตให้ซีไอเอใช้คุกลับในประเทศไทยเพื่อทรมานผู้ที่สงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายตอนนั้นนายทักษิณกับสหรัฐอเมริกาได้ทำตามกฎบัตรสหประชาติไหม และมีใครประณามนายทักษิณกับหสรัฐไหม?

ยังมีเรื่องเลวร้ายอีกมากมายที่นายทักษิณกับอเมริกาได้สร้างไว้ แต่ไม่มีนักการเมือง นักการทูตประเทศไหนเที่ยวร้องโพนทะนาให้นานาชาติร่วมประณาม

สำหรับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนนั้น ในทางทูตเขาให้ผู้แทนของกลุ่มประเทศที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นสมาคม เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินงานทางการทูต และความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้เสริมสร้างความสัมพันธ์ เรียกร้องคว่ำบาตร เรียกร้องให้ต่อต้าน หรือให้การสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือเรียกร้องให้วางตัวเป็นกลาง เช่นในกรณีวิกฤตรัสเซีย ยูเครน

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกสมาคมประเทศอาเซียตะวันออกเฉียงใต้หรือที่ง่ายๆว่าอาเซียน ปีนี้ประเทศกัมพูชาเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียน และเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 กัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนได้ออกแถลงการณ์ว่า “อาเซียนสนับสนุนให้มีการเจรจาเพื่อยุติปัญหาด้วยสันติวิธี แต่กัมพูชาในฐานะประธานอาเซียน ไม่ใช้คำว่ารัสเซียรุกราน”

เมื่อประธานอาเซียนออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่าไม่ขอใช้คำว่า#รัสเซียรุกราน” แล้วนายทักษิณกับอุปทูตสหรัฐอเมริกาจะให้ประเทศไทยประณามรัสเซียได้อย่างไร

ดังที่กล่าวมาแต่ต้นว่าประเทศไทยได้สั่งสมมารยาทการทูตมาตั้งแต่อเมริกายังไม่มีประเทศ นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาถึงได้กล่าวว่า “ประเทศไทยวางตัวเป็นกลางและทำตามแบบอย่างของอาเซียน”

การวางตัวกลางในท่ามกลางวิกฤต ที่เกิดขึ้นกับมิตรประเทศทั้งสองฝ่ายเป็นดำเนินนโยบายที่ถูกต้องของประเทศอารยะ เพราะในฐานะรัฐบาลไม่สามารถพูดเอามันเหมือนนักการเมืองไร้วุฒิภาวะ หรือพูดเพื่อเอาใจเจ้านายเหมือนสมาชิกอาเซียนบางประเทศได้

อาเซียนเป็นครอบครัวใหญ่และเป็นประชาธิปไตยที่มีความเห็นแตกต่างกันได้แต่สุดท้ายแถลงการณ์ของประธานถือเป็นข้อสรุปอย่างเป็นทางการ

อุปทูตสหรัฐประจำไทยคงไม่เข้าใจบริบทของประชาคมอาเซียนดีพอ เมื่อเห็นสมาชิกอาเซียบางประเทศเช่นสิงคโปร์ประณามรัสเซียที่เป็นผู้รุกราน เลยทึกทักเอาว่าประเทศไทยคงเป็นเด็กในคาถาของอเมริกา ที่ว่านอนสอนง่ายเหมือนสิงคโปร์

อุปทูตฮีธ ซึ่งอยู่ในประเทศไทยและวนเวียนอยู่อาเซียนมานานน่าจะมองออกว่าพิธีการทางการทูตในอาเซียนแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือสมาชิกอาเซียนในกลุ่มสุวรรณภูมิได้แก่ สปป ลาว กัมพูชา สหภาพพม่า และประเทศไทย กับสมาชิกอาเซียนนอกสุวรรณภูมิมีพิธีการทูตแตกต่างกัน

กล่าวคือกลุ่มสุวรรณภูมิส่วนใหญ่ใช้วิธีการทูตเงียบ (Quiet Diplomacy) และสมาชิกอาเซียนกลุ่มนี้มักไม่ทำตามใจและไม่เอาใจสหรัฐอเมริกา แต่ว่าไม่พูดมาก เหมือนกับสมาชิกอาเซียนนอกสุวรรณภูมิที่ส่วนใหญ่เอาใจอเมริกาและใช้กิริยาทางทูตแบบโฉ้งฉ่าง เช่นสิงคโปร์ประกาศคว่ำบาตรและประณามรัสเซียตามอเมริกา ส่วนกัมพูชากล่าวว่า “ไม่ใช้คำว่ารัสเซียรุกราน” ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันกับจีนและประเทศไทย ด้านสหภาพพม่าซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดรัสเซียกล่าวว่า”ขอสนับสนุนรัสเซียที่ปฏิบัติการทางทหารเพื่อป้องกันความมั่นคงของชาติ..”

ดังนั้นสหรัฐอเมริกาต้องเรียนรู้บริบทการเมืองและสังคมอาเซียนมากกว่าที่เป็นอยู่เพราะสุดท้ายแถลงการณ์ประธานอาเซียนคือข้อสรุปที่เป็นทางการ

ในบรรดาความเห็นของสมาชิกอาเซียนรวมทั้งประเทศไทย ผู้เขียนเห็นด้วยกับสหภาพพม่าที่พูดว่ารัสเซียทำถูกแล้วที่ป้องกันความมั่นคงของชาติ หากมีคำถามว่าวิกฤตรัสเซียยูกับเครนฝ่ายไหนเป็นผู้รุกรานและคุกคามใครก่อน ก็ต้องตอบว่าสมุนของอเมริกาคือยูเครนเป็นผู้คุกคามความมั่นคงของรัสเซียก่อน

หากย้อนกลับไปเมื่อแปดปีก่อนหน้า ในปี 2557 อเมริกาเป็นผู้วางและสมคบกับนักการเมืองในยูเครน ปลุกระดมสร้างกระแสให้ประชาชนใช้ความรุนแรงประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิดซึ่งโปรรัสเซียออกจากตำแหน่ง การประท้วงรุนแรงที่ใช้คนต่างชาติเข้ามาร่วมปฏิบัติการเป็นเหตุให้มีคนตายประมาณ 100 คน

เมื่อโค่นล้มประธานาธิบดีที่มีความพันธ์อันดีงามกับรัสเซียลงได้สหรัฐฯก็สนับสนุนให้นายเปโตร โปโรเซนโก ซึ่งเป็นเด็กในคาถาของสหรัฐฯได้ขึ้นมาเป็นประธานธิบดี และสหรัฐก็ฟื้นฟูแผนการผลักดันให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ ซึ่งแผนการให้ยูเครนเข้าสมาชิกนาโต้เคยถูกขัดขวางโดยอดีต ปธน.ยานูโควิชเพราะเขาเห็นว่า สหรัฐทำผิดสัญญาที่เคยตกลงไว้กับสหภาพโซเวียตที่ว่าจะไม่รับรัฐอิสระที่แยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียตเป็นสมาชิกนาโต้

และข้อตกลงในสัญญาระหว่างอดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุชกับนายมิคาอิล กอร์บาชอฟอดีตผู้นำสหภาพโซเวียต ที่ว่านาโต้และสหรัฐอเมริกาจะไม่ขยายอิทธิพลทหารมาทางตะวันออกใกล้ชายแดนรัสเซีย

เมื่อสหรัฐทำผิดสัญญาเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของยูเครนและนาโต้ ความขัดแย้งรุนแรงความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับสหรัฐก็เกิดขึ้นตั้งแต่นั้นมาโดยมียูเครนเป็นหนังหน้าไฟ

ฉากแรกของปฏิบัติการเพื่อความมั่นคงภายในคือรัสเซียยึดแคว้นไคลเมียได้ และความวุ่นวายในประเทศหนังหน้าไฟต่อมาคือขบถแยกดินแดนที่โปรรัสเซียในแคว้นโดนัตสค์ ประกาศตั้งตนเป็นรัฐอิสระขึ้นมาชื่อว่ารัฐอิสระลูฮันสค์กับรัฐอิสระโดเนตสค์ ทำให้เกิดการปะทะกันประปรายระหว่างทหารยูเครนกับกลุ่มแยกดิน

และความแย้งรุนแรงเดือดพล่านจนถึงขั้นปรอทแตกเมื่อนักแสดงตลกในซี่รี่ทีวีที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองนายโลโวดิมีร์ เซนเลนสกี ชนะเลือกตั้งก้าวมาขึ้นเป็นประธานาธิบดีในปี 2562

เซนเลนสกีนักแสดงตลกในซี่รี่ทีวี เคยรับบทเป็นแสดงเป็นประธานาธิบดีชาตินิยม เมื่อได้เป็นประธานาธิบดีในชีวิตจริงจึงถูกสหรัฐกำกับให้แสดงบทคลั่งชาติ ประกาศยึดคืนแคว้นโดนัตสค์และแคว้นไคลเมียคืนมาให้ได้ เพราะอเมริกาสัญญาว่าจะส่งอาวุธให้ และผลักดันให้ยูเครนได้เป็นสมาชิกนาโต้ในสมัยของเขา

การปะทะกันรุนแรงระหว่างทหารยูเครนกับสองรัฐอิสระเกือบกลายเป็นสงครามกลางเมืองที่เป็นเหตุให้มีคนตายกว่า 15,000 รายและพลเรือนผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายรัสเซีย

เมื่อสถานการณ์เลวร้ายจนไม่อาจทนได้อีกต่อไป ประธานาธิบดีปูติน จึงลงนามรับรองสองรัฐอิสระเป็นทางการและส่งทหารเข้าไปรักษาความปลอดภัยในสองรัฐอิสระ จนเหตุการณ์บานปลายกลายมาเป็นสงครามเต็มรูปแบบมาถึงวันนี้

ดังนั้นนายทักษิณและอุปทูตสหรัฐต้องตักน้ำใส่กะโหลกแล้วชะโงกหน้าว่าใครเป็นผู้คุกคามใคร ก่อนที่จะเรียกร้องให้ประเทศไทยประณามรัสเซีย.