โดยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า กระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบอย่างใกล้ชิด และเตรียมประกาศแคมเปญมาตรการประหยัดพลังงานทั้งประเทศ กระตุ้นให้ประชาชนคำนึงถึงความจำเป็นท่ามกลางสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันใกล้แตะระดับ 120 เหรียญต่อบาร์เรล โดยหน่วยงานในสังกัด ทั้งกรมต่างๆ ตลอดจน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) จะมีรายละเอียดการประหยัดพลังงานในด้านต่างๆ ออกมาภายในสัปดาห์นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการบรรเทาผลกระทบประชาชนจากราคาน้ำมันแพง อาทิ การขยายวงเงินกู้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจาก 3 หมื่นล้านบาท เป็น 4 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาช่วยพยุงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้ถึงลิตรละ 30 บาท โดยจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 9 มีนาคมนี้ และของบกลางปี 2565 เพื่อใช้อุดหนุนราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ให้กับผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาทต่ออีก 3 เดือน จากการอุดหนุนราคาแอลพีจีจะสิ้นสุดในวันที่ 1 เมษายนนี้ ที่ตรึงอยู่ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ขณะที่ราคาใหม่จะปรับขึ้นแบบขั้นบันไดทุก 3 เดือน กก.ละ 1 บาท เพื่อบรรเทาผลกระทบแก่ประชาชนทั่วไปเช่นกัน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนน่าเป็นห่วงอย่างมาก โดยเฉพาะราคาพลังงานที่ปัจจุบันราคาน้ำมันตาดโลกเกินกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว หากสถานการณ์ยังยืดเยื้อต่อไปอาจจะทะลุ 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และการที่รัสเซียปิดท่อแก๊สที่ส่งไปยังยุโรปอาจทำให้เกิดการขาดแคลนทั้งก๊าซหุงต้ม และที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้หลายโรงงานอาจต้องปิดตัวลง หรือชะงักการผลิต ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ สูงขึ้นตาม