วันที่ 17 มี.ค.65 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่าที่ประชุม กกพ.มีมติให้ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพ.ค.-ส.ค.2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชนเป็น 4.00 บาทต่อหน่วย จากเดิมเรียกเก็บที่ 3.78
ทั้งนี้ เนื่องจากผลกระทบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลต่อวิกฤตราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้ กกพ. ต้องปรับสมมติฐานการประมาณการค่าเอฟทีใหม่ให้สะท้อนราคาเชื้อเพลิงในสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานการณ์ก๊าซธรรมชาติ (แอลเอ็นจี) ในอ่าวไทยลดลงในช่วงปลายสัมปทาน
“ประมาณการค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ส่งผลให้ประมาณการค่าเอฟที ในช่วงเดือนพ.ค.-ส.ค.2565 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 129.91 สตางค์ต่อหน่วย และหากพิจารณาภายใต้หลักการการปรับขึ้นแบบขั้นบันได อาจทำให้ต้องขึ้นค่าเอฟที งวดละ 47.3 สตางค์ต่อหน่วย แต่ด้วยมาตรการการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงให้ต่ำที่สุด สามารถทำให้ค่าเอฟทีลดลง เป็นผลให้ปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดนี้เพียง 23.38 สตางค์ต่อหน่วย”
ได้แก่ การรับซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจากสปป.ลาว การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติม การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตา มาตรการการบริหารการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตา ร่วมกับมาตรการการนำ “Energy Pool Price” มาใช้ เพื่อเฉลี่ยต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าให้เกิดความเป็นธรรม ทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าอยู่ในราคาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ตามแนวทางจากภาคนโยบายการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะแบกรับค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงในงวดที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดไว้ก่อน และจะทยอยเรียกคืนค่าเอฟทีเมื่อราคาเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง