สื่อต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ แห่งยูเครนเรียกร้องอีกครั้งในวันนี้ ให้รัสเซียยอมเปิดเจรจาสันติภาพ เพื่อลดความสูญเสียอันเกิดจาก “ความผิดพลาดของพวกเขาเอง” มิเช่นนั้นชนรุ่นหลังก็อาจจะพลอยได้รับความเดือดร้อนไปอีกนาน กว่าประเทศจะฟื้นตัวจากสงครามครั้งนี้ได้
.
รัสเซียและยูเครนได้ตั้งคณะผู้แทนเปิดเจรจาทางไกลกันมาแล้วหลายรอบ แต่ก็ยังไม่ได้ผลคืบหน้า และยังไม่เคยมีการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีมาก่อน
.
“นี่คือเวลาที่จะต้องพบกัน พูดคุยกัน นี่คือเวลาสำหรับการฟื้นฟูบูรณภาพแห่งดินแดน และความเป็นธรรมสำหรับยูเครน” เซเลนสกี้ กล่าวผ่านคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ลงเฟซบุ๊ก
.
“ไม่เช่นนั้นรัสเซียเองจะต้องเผชิญความสูญเสียที่ต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วอายุคน กว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้”
.
เซเลนสกี้ ระบุว่าเจ้าหน้าที่ยูเครนสามารถช่วยเหลือประชาชนกว่า 9,000 คนออกมาจากเมืองท่ามารีอูปอล (Mariupol) ซึ่งถูกทหารรัสเซียปิดล้อมอยู่ และขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับยอดผู้เสียชีวิตที่โรงละครซึ่งถูกกองทัพรัสเซียทิ้งบอมบ์
.
ผู้นำยูเครนให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีพลเรือนได้รับการอพยพผ่านทางระเบียงมนุษยธรรมทั่วประเทศแล้วกว่า 180,000 คน
.
เซเลนสกี้ กล่าวหาทหารรัสเซียว่าพยายามปิดกั้นไม่ให้มีการส่งความช่วยเหลือเข้าไปยังพื้นที่สู้รบ “ทหารพวกนี้ได้รับคำสั่งให้ทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ประชาชนในเมืองต่างๆ ประสบหายนะด้านมนุษยธรรม จนต้องยอมทำตามคำสั่งของผู้ยึดครอง นี่มันคืออาชญากรรมสงคราม”
.
ผู้แทนมอสโก และเคียฟได้มีการเจรจาทั้งแบบตัวต่อตัวและทางไกลมาแล้วหลายครั้ง นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. โดยครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา
.
หัวหน้าคณะผู้เจรจาฝ่ายรัสเซียระบุวานนี้ (18) ว่า มอสโกและเคียฟพยายามหาจุดยืน “ที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด” เกี่ยวกับข้อเสนอให้ยูเครนดำรงสถานะรัฐที่เป็นกลาง (neutral state) แต่ มิไคโล โปลโดยัก ที่ปรึกษาของเซเลนสกี ยืนยันว่ายูเครนไม่มีการอ่อนข้อในประเด็นนี้
.
“สถานะการเจรจา: ถ้อยแถลงของฝั่งรัสเซียเป็นเพียงจุดยืนที่พวกเขาเรียกร้องเท่านั้น” โปลโดยัก ประกาศผ่านทวิตเตอร์
.
“คำแถลงทั้งหมดของพวกเขามีเจตนายั่วยุให้สื่อเกิดความสับสน จุดยืนของเรายังไม่เปลี่ยนแปลง รัสเซียต้องหยุดยิง ถอนทหาร และให้การรับรองด้านความมั่นคงที่มีแนวทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน”
.
รัฐบาลมอสโกยืนยันข้อเรียกร้องว่ายูเครนจะต้องไม่เข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) โดยเด็ดขาด รวมถึงให้มีการ “ปลดกำลังทหาร” (demilitarization) และ “สลายความเป็นนาซี” (denazification) ด้วย
——————————-