วันที่ 18 เมษายน 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงลาออกจากทุกตำแหน่งในทำเนียบรัฐบาล ภายหลังแถลงแนวทางการแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ว่า ตนได้ยื่นหนังสือลาออกเรียบร้อยมีผลตั้งแต่ 19 เมษายนเป็นต้นไป
เหตุผลที่ตนลาออกเพราะมีความสำนึกรับผิดชอบต่อความรู้สึกของประชาชน อันสืบเนื่องจากกรณีคลิปเสียงการพูดโทรศัพท์ของตนกับนางจุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
เป็นเหตุให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และมีการตั้งข้อกล่าวหาเป็นประเด็นทางการเมือง ที่ควรจะได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งอาจใช้เวลาสมควรในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตน และเพื่อเป็นตัวอย่าง และบรรทัดฐานจริยธรรมทางการเมือง
นายเสกสกลกล่าวต่อว่า ตนเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็เพราะตนเห็นประจักษ์ความเป็นผู้นำที่ดี มีความเหมาะกับสถานการณ์บ้านเมืองของนายกฯ ตนเห็นชัดถึงความตั้งใจ มุ่งมั่น ทำงานด้วยความทุ่มเท และเสียสละของนายกฯ จึงปวารณาตัว อาสาเข้ามาเป็นฟังเฟืองเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งในรัฐบาล แบ่งเบาภาระของท่านเท่าที่จะทำได้ตามกำลังความสามารถ และได้ทำงานอย่างเต็มที่มาตลอดเวลา 3 ปี
“แต่เมื่อปรากฏเป็นข่าวที่อาจกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของทีมงานนายกฯเช่นนี้ ผมคิดว่าไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล ผมไม่ขอเป็นฟันเฟืองที่ชำรุด ที่ทำให้เครื่องยนต์กลไกในการขับเคลื่อนของรัฐบาลต้องมีปัญหา ไม่ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน แม้ยังไม่ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง ก็ควรแสดงความรับผิดชอบ” นายเสกสกลกล่าว
นายเสกสกลกล่าวว่า การลาออกของตนในครั้งนี้เพื่อพิสูจน์ความจริงต่อกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยไม่ต้องอาศัยตำแหน่งของตนเอง รวมถึงผู้บังคับบัญชามาปกป้องตน ซึ่งอาจถูกข้อครหาว่าใช้อำนาจหน้าที่เพื่อปกป้องตนเองได้
นายเสกสกลกล่าวอีกว่า เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจของตนแล้ว ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งในการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อมิให้เกิดข้อครหาเกี่ยวกับผลประโยชน์ใด ๆ ในโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งสิ้น
ในส่วนการดำเนินคดีได้แจ้งความแล้ว เพื่อนำบุคคลที่เกี่ยวข้องในการอัดคลิปเสียงมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเร็วที่สุดและพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียก นายกิ๊ก ที่นางจุรีพรอ้างว่าเป็นผู้อัดคลิปเสียง ก็จะมาพบเจ้าหน้าที่เพื่อสอบปากคำ และในส่วนตัวบุคคลใครก็ตามที่ไม่ประสงค์ดี และหวังทำลายชื่อเสียงบิดเบือนข้อเท็จจริงให้เกิดความเสียหายในสื่อต่าง ๆ ตนจะใช้สิทธิส่วนตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้ใช้พฤติกรรมเช่นนี้ ไปทำลายชื่อเสียงของบุคคลอื่นอีก
แม้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว ตนก็ยังตั้งใจทำหน้าที่ของพลเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ในการต่อสู้กับบุคคลหรือกระบวนการของบุคคลที่มีเจตนาร้ายต่อประเทศชาติ โดยไม่ลดละย่อท้อ ขอกราบขอบคุณนายกฯ ที่กรุณาให้โอกาสตนมาร่วมงานกับรัฐบาล
ยืนยันว่า ตลอดเวลาทำหน้าที่มายาวนานในทางการเมืองร่วม 30 ปี ไม่เคยคิดใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการใด ๆ ที่เป็นการทุจริต คิดมิชอบต่อประเทศชาติและประชาชน และไม่ได้ทำการใดที่ผิดกฎหมายต่อบ้านเมืองทั้งสิ้น
“ผมได้กราบลาท่านนายกฯ ด้วยตัวผมเอง ผมกราบเรียนท่านนายกฯ ว่า ผมขอเคลียร์ ไม่อยากให้ใครมามองว่าท่านนายกฯ ปกป้องผม หรืออุ้มผม และไม่อยากใช้ตำแหน่ง บารมีท่านนายกฯ หรือตำแหน่งตัวผมเองที่อยู่ใกล้ชิดท่านนายกฯ ไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ผมพร้อมจะพิสูจน์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทุกที่ทุกจุด แต่ขอให้เป็นไปด้วยความยุติธรรมจริง ๆ แต่อย่าเอาความคิดไม่บริสุทธิ์ใจมาเล่นงานผม ท่านนายกฯไม่มีการปลด ไม่มีการให้ผมลาออกใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นความประสงค์ ความต้องการของผมเองที่ไปต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยไม่กระเทือนท่านนายกฯ” นายเสกสกลกล่าว
นายเสกสกลกล่าวว่า ส่วนที่ตนไม่ยอมพูดตั้งแต่มีคลิปเสียงออกมานั้น เมื่อตนเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายตนจะดำเนินการให้ถึงที่สุด วันหนึ่งถ้าตนเคลียร์สังคม เคลียร์ว่าตนเองบริสุทธิ์แล้วก็พร้อมที่จะทำงานเพื่อบ้านเมืองได้อย่างสง่างาม
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งตนเป็นผู้ก่อตั้งนั้น ตนไม่ได้รับตำแหน่งอะไรแล้ว เป็นแค่ผู้ก่อตั้ง ส่วนใครจะเดินหน้าต่อก็ว่าไป แต่ถ้าอนาคตข้างหน้าไม่มีใครทำก็ต้องเอากลับมาทำ แต่ถ้ามีคนทำก็เอาไปทำ ไม่มีปัญหา แต่วันนี้ขอเคลียร์ความบริสุทธิ์ใจ ขอเคลียร์ให้จบตรงนี้ก่อน ส่วนเรื่องพรรค เรื่องการเมืองว่ากันทีหลัง
ก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า มีความพยายามจากทีมการเมืองและฝ่ายที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กดดันให้นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ พ้นจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำนายกรัฐมนตรี และอ้างว่าเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ พ้นจากบุคคลที่ปรากฏตัวข้างกายนายกรัฐมนตรี ในทำเนียบรัฐบาล
หลังจากมีคลิปเสียงปริศนา เผยแพร่การสนทนาระหว่างนายเสกสกล กับนางจุรีพร สินธุไพร สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี น้องสาวของนิสิต สินธุไพร แกนนำคนเสื้อแดง และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีเนื้อหาเกี่ยวกับการบุกจับแพลตฟอร์มขายลอตเตอรี่ออนไลน์ และโควตาสลากกินแบ่ง และเรื่องเงินเพื่อช่วยหาเสียง 15 ล้านบาท
นำไปสู่การร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาเรื่องนี้ และมีการตั้งวาระเพื่อพิจารณาในกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร
แหล่งข่าวในทำเนียบรัฐบาล ระบุด้วยว่า เหตุการณ์คลิปเสียงสร้างความเสียหายให้กับบุคคลที่อ้างว่ามีตำแหน่งการเมืองในสำนักนายกรัฐมนตรี จึงสั่งการไม่ให้นายเสกสกล หรือแรมโบ้ ปรากฏตัวข้างกายนายกรัฐมนตรี ในทำเนียบรัฐบาลอีก และการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่อ้างว่าตั้งให้นายกรัฐมนตรี ก็จะมีการชะลอ คาดว่าหากนายเสกสกลพ้นจากทีมองครักษ์แล้ว ก็ยากที่จะรวบรวมผู้สมัคร ส.ส.