สื่อต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐฯ เชื่อว่ารัสเซียจะไม่นำอาวุธนิวเคลียร์ออกมาใช้ในสงครามยูเครน แม้ว่าเจ้าหน้าที่มอสโกจะยกระดับคำขู่ก็ตาม
.
“เราเฝ้าติดตามศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของพวกเขาอยู่ทุกวันเท่าที่จะทำได้ และยังคงประเมินว่า ไม่มีความเสี่ยงในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือการโจมตีดินแดนของนาโต” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ให้สัมภาษณ์วานนี้ (29 เม.ย.)
.
เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ระบุเมื่อวันจันทร์ (25) ว่า โอกาสที่ปัญหายูเครนจะลุกลามบานปลายจนกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์นั้น “มีมากขึ้น” และชาติตะวันตกไม่ควรประเมินความเสี่ยงนี้ต่ำเกินไป
.
รัสเซียยังประกาศเมื่อต้นเดือนเม.ย.ว่า พวกเขามีแผนประจำการขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปซาร์มัต (Sarmat) ซึ่งสามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปโจมตีถึงสหรัฐอเมริกาได้ ภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้
.
ชาติตะวันตกเริ่มวิตกกังวลเรื่องสงครามนิวเคลียร์มากขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งเริ่มปฏิบัติการโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ. พร้อมอ้างถึงกองกำลังนิวเคลียร์ของมอสโก และขู่ว่าใครก็ตามที่พยายามขัดขวางเส้นทางของรัสเซีย “จะต้องพบกับผลลัพธ์ที่พวกคุณไม่เคยเผชิญมาก่อนในประวัติศาสตร์”
.
นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษกล่าวในสัปดาห์นี้ว่า เขาไม่คิดว่าปฏิบัติการทางทหารที่ล้มเหลวในยูเครนจะทำให้ ปูติน ตัดสินใจนำอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีออกมาใช้ และย้ำว่าผู้นำรัสเซีย “ยังมีพื้นที่” พอที่จะดำเนินการยุติสงครามครั้งนี้เสีย
.
วิลเลียม เบิร์นส ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) กล่าวเตือนเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า ความเสี่ยงที่รัสเซียจะนำอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี หรืออาวุธนิวเคลียร์ที่ให้ผลทำลายล้างต่ำ (low-yield nuclear weapons) ออกมาใช้ในยูเครนเป็นสิ่งที่จะประมาทไม่ได้ ทว่า CIA เองก็ยังไม่พบหลักฐานชัดเจนว่ามอสโกจะทำเช่นนั้น
——————————-