เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (30 พ.ค. 65) ขบวนต้านกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน เคลื่อนขบวนจากหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ (UN) มายังเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยมีเครือข่ายประชาชนและภาคประชาสังคม มากกว่า 30 องค์กรร่วมเดินขบวน เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
โดยทางตำรวจนำตู้คอนเทนเนอร์ มาปิดกั้นบริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ทำให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมายังแยกนางเลิ้ง ก่อนจะเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำแผงกั้นเหล็ก รั้วลวดหนาม และตู้คอนเทนเนอร์ มาปิดกั้นเส้นทางไปยังถนนพิษณุโลก ก่อนจะมีการเจรจา เพื่อจะปักหลักรอฟังคำตอบจากรัฐบาล โดยขอให้ตำรวจเปิดเส้นทาง นำรั้วลวดหนามออกไป เพื่อสร้างบรรยากาศในการรอฟังคำตอบจากรัฐบาล
นายสมบูรณ์ คำแหง แกนนำขบวนการต้านกฏหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน เปิดเผยว่า เหตุผลที่ต้านกฎหมายฉบับบนี้ เพราะนอกจากอาจขัดรัฐธรรมนูญ และอาจขัดสนธิสัญญาระหว่างประเทศในการรวมตัวของประชาชนแล้ว และการจัดทำร่าง พ.ร.บ. มีหลายขั้นตอนไม่เป็นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน
กลุ่มเป้าหมายที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.ไปรับฟังความเห็น ก็จะเป็นเฉพาะกลุ่มที่ทำงานร่วมกับ พม.เท่านั้น จะต้องกระจายรับฟังความเห็นให้กว้างขวางมากขึ้น
“ทางรัฐบาลต้องทบทวนเรื่องนี้ให้ดี เพราะกระทบในวงกว้าง การตีความกฎหมาย ที่ไปกำกับบทบาทหน้าที่ขององค์กรทางสังคมที่อาจกระทบศีลธรรมอันดีงาม และความมั่นคงของชาติ เป็นการตีความได้กว้างขวางมาก ทำให้เกิดการกลั่นแกล้งกันได้ ต้องประกาศให้ชัดเจนในวันนี้ว่าจะไม่ออกกฏหมายฉบับนี้ การให้อำนาจที่ดูแลกฏหมายเกินอำนาจศาล เป็นเรื่องใหญ่ ที่อาจจะถูกนำมาใช้ในการกลั่นแกล้งกัน อยากให้ประชาชนเข้าใจกฎหมายฉบับนี้ เพราะไม่ใช่แค่การควบคุม NGO แต่กระทบทุกกลุ่มทุกองค์กร” นายสมบูรณ์กล่าว
สำหรับการเคลื่อนไหวของขบวนการต้านกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน เริ่มรวมตัวเมื่อวันจันทร์ ที่ 23 พฤษภาคม ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ความเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร หรือกฎหมายควบคุมการรวมกลุ่มของประชาชน ซึ่งเป็นกฎหมายที่มุ่งควบคุมกิจกรรมของประชาชน ที่มีทั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเช่น มูลนิธิ สมาคม และกลุ่มเอกชนทำกิจกรรมในสังคมโดยไม่มุ่งแสวงหากำไรมาแบ่งปัน
สาระสำคัญของ พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. เช่น จะต้องเปิดข้อมูล ทั้งวัตถุประสงค์ วิธีดำเนินเงิน และแหล่งที่มาเงินทุน ให้หน่วยงานรัฐและบุคคลทั่วไปเข้าถึงง่าย โดยเฉพาะแหล่งทุนจากต่างประเทศ ที่ต้องเปิดเผยบัญชีธนาคารที่จะรับเงิน และต้องไม่ใช่เงินในลักษณะการแสวงหาอำนาจรัฐหรือเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมือง หากฝ่าฝืน นายทะเบียนมีอำนาจออกคำสั่งให้ยุติการดำเนินงาน และมีโทษ
เช่นหากไม่เปิดเผยข้อมูลบัญชี จะถูกปรับไม่เกิน 50,000 บาท และปรับอีกวันละ 1,000 บาท และหากไม่ยุติการดำเนินงานโทษปรับ 500,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท
และห้ามดำเนินงานที่กระทบความมั่นคงของรัฐ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นบทลงโทษที่ไม่ได้ผ่านอำนาจศาล และเป็นกฏหมายที่มาจากคำสั่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ต่างจากการสืบทอดมรดก คสช. และลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ที่จะเสียประโยชน์จากการทำงานขององค์การต่าง ซึ่งมาจากความกลัวสูญเสียอำนาจของรัฐ
ขบวนการต้านกฏหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน จึงเรียกร้องให้รัฐบาล และยกเลิกวาทกรรมที่กล่าวหา NGO รับเงินต่างชาติ เพราะรัฐบาลก็รับเงินในลักษณะนี้ด้วย
โดยจะปักหลักรอฟังคำตอบจากรัฐบาล ที่ต้องยกเลิกกฎหมายฉบับนี้เท่านั้น พร้อมทั้งในเวลา 15.00 น.มีการเชิญชวนพรรคการเมืองให้มาร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านกฎหมายฉบับนี้และยืนเคียงข้างประชาชน