19 มิ.ย 2565 - พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้
ม็อบการเมืองที่ดินแดง
มนุษย์เรา เกิดมาก็แตกต่างกันอยู่แล้ว ทั้งฐานะ รูปร่างหน้าตา แม้กระทั้งคนรวย ก็ยังแบ่งเป็นรวยน้อย รวยมาก การดูแลของพ่อแม่ การได้โอกาสศึกษาก็ไม่เหมือนกัน ตอนเกิดมาร่างกาย แข็งแรง หรือ อ่อนแอ ฯลฯ ไม่มีทางจะเท่าเทียมกันได้ตามที่ UN กำหนดไว้
สิ่งที่พอจะทำให้มนุษย์ เท่าเทียมกันได้นั้นมีอย่างเดียวคือ “สิทธิตามกฎหมาย” เท่านั้น แต่ก็ต้องมี “หน้าที่ในการปฏิบัติตัวเองตามกฎหมาย” ควบคู่มากับการใช้สิทธิด้วย นั่นคือการใช้สิทธิของตนเองจะต้องไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้อื่น และเมื่อไดใช้สิทธิของตัวเองไปรุกล้ำสิทธิของผู้อื่นก็ถือว่า “เป็นการทำผิดกฎหมาย” ทันที
เราจึงเห็นการปราบปรามม็อบ ในประเทศตะวันตก เต็มไปด้วยความเด็ดขาด เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ อังกฤษ หรือ ฝรั่งเศส ก็เพื่อรักษาสิทธิของอีกหลายร้อย ที่จะต้องสัญจรบนถนน และอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้
นอกจากนั้น ยังรวมไปถึงการรักษาทรัพย์สินที่มาจาก “ภาษี” ของประชาชนอีกด้วย เช่น การเผารถตำรวจ ทำลายป้อมจราจร เป็นต้น (ควรทราบว่า “เจ้าหน้าที่รัฐฯที่เบิกรถหลวงไปใช้ ตามหน้าที่ทุกคน” จะต้องนำรถกลับมาให้อยู่ในสภาพเดิม ไม่เช่นนั้นจะต้องชดใช้เงิน และรับโทษทางวินัยอีกด้วย)
ส่วนการจัดการม็อบที่ก่อเหตุรุนแรง ในประเทศไทยหรือผู้ที่ทำความผิดอื่นๆเช่น ความผิดทางคอมพิวเตอร์ และการปล่อยข่าวเท็จ ที่เกิดขึ้นในยุคของ พลเอกประยุทธ์ นั้น มีข้อสังเกตว่า
1.การปฏิบัติงาน ควบคุมม็อบ ต่ำกว่ามาตรฐานสากล อย่างมากมาย จนดูเสมือนว่ารัฐบาลเองจะละเว้นการกระทำหน้าที่ตาม ม.157 เสียด้วย ซึ่งเปรียบกับการจัดการม็อบในสมัยรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” แล้ว ต่างกันอย่างฟ้ากับดินครับ ยุคคุณยิ่งลักษณ์ นั้น ขนาด “พระ” ตำรวจยังตีซะหนีกระเจิดกระเจิงเลย สื่อ และ NGOs ต่างๆก็เงียบไปหมด
2.ส่วนผู้สนับสนุนม็อบนั้นจะต้องมีความผิดเสมือนตัวการ ตำรวจต้องเอาผิดด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงชาวต่างชาติ ไม่ใช่จับแต่เด็ก
3.การละเมิดสิทธิผู้อื่นนั้น ลองไปดูการทำงานในกรณีนี้ของประเทศอื่นๆ เอาเฉพาะในอาเซียนก็พอ เช่น กัมพูชา ลาว พม่า มาเลเซีย นั้น จะเข็มงวดกว่าไทยมาก โดยเฉพาะบรูไน และ สิงคโปร์ ใครเอาสีสาดในที่สาธารณะ มีโทษถูกโบยด้วย ส่วนความผิดต่อประมุขของประเทศนั้น หลายประเทศยังมีกฎหมายในเรื่องความมั่นคง เพิ่มโทษขึ้นมาอีกด้วย
ปัจจุบัน รัฐบาลไทย และกระทรวงต่างประเทศอ่อนมากก็แค่อยากเตือนว่า ถ้าปล่อยไปแบบนี้การประชุมสุดยอดอาเซียนที่กำลังใกล้จะมาถึงนี้ อาจจะซ้ำรอยเดิมที่พัทยา ก็ได้ครับ ถ้าปล่อยกันไว้แบบนี้