นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการเจรจากับกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ว่า จะได้คำตอบที่ชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ โดยรูปแบบอาจจะไม่ใช่การนำกำไรส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่อาจเป็นรูปแบบอื่น เช่น การบริจาค
ส่วนกรณีที่กองทุนน้ำมันฯ ติดลบกว่า 1 แสนล้านบาท จากการอุดหนุนราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม รมว.พลังงานคาดว่า จนถึงสิ้นปีจะติดลบราว 2 แสนล้านบาท กระทรวงฯ จึงกำลังพิจารณาเรื่องการลดวงเงินอุดหนุน เช่น ไม่ช่วยเหลือในวงกว้าง จะช่วยเฉพาะกลุ่มเปราะบางเท่านั้น ส่วนเรื่องกองทุนฯ กำลังจะขาดสภาพคล่อง กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาว่า จะหาเงินส่วนใดมาเสริมสภาพคล่อง คาดว่าจะมีคำตอบชัดเจนในสิ้นเดือนกรกฎาคม นี้
ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ ปตท. เปิดเผยสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือของปีนี้ ว่า จะทรงตัวในระดับสูงที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลบวกลบ หรือ มีราคาเฉลี่ยทั้งปีนี้ อยู่ที่ระดับ 103-104 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งนับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สถานการณ์ดังกล่าว จะทำให้ต้นทุนราคาขายปลีกพลังงานโดยรวมของไทย ทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ก๊าซ NGV และก๊าซ LPG อยู่ในระดับสูง แนวทางรับมือที่ดีคือ ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันประหยัดการใช้พลังงาน เพื่อลดต้นทุนการนำเข้า ในช่วงที่ราคาแพง
ส่วนปีหน้า นายอรรถพล คาดว่า ราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวลงต่ำกว่าระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ จากมีปริมาณน้ำมันดิบที่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น หลังกลุ่มประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก (โอเปก) เตรียมทยอยปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเดือนละ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน เว้นแต่จะมีสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น ปัญหาการสู้รบระหว่างประเทศมหาอำนาจ