เมื่อเช้าวันนี้ (29 มิ.ย.) นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนพฤษภาคม 2565 ผ่านทาง Facebook Live ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
โดยในเดือนที่ผ่านมา มีจำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการจำนวน 1,102 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 30% และเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 39% มากที่สุดในช่วง 5 เดือนแรก มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการจำนวน 3,760.77 ล้านบาท ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีธุรกิจเลิกประกอบกิจการแล้วกว่า 4,546 ราย
ในส่วนของธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนพฤษภาคม 2565 มีจำนวน 837,840 ราย มูลค่าทุน 20.03 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 24.14% บริษัทจำกัด 75.70% และบริษัทมหาชนจำกัด คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ ในขณะที่ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนพฤษภาคม 2565 มีจำนวน 5,917 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 14,357.13 ล้านบาท ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร ตามลำดับ
สำหรับการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 41 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 19 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 22 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 18,695 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด 3 สัญชาติแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ
ในขณะที่สถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยช่วงเดือนที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและราคาสินค้า น้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลง เพราะค่าครองชีพที่สูง สวนทางกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้น จากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้เอกชนสามารถกลับมาดำเนินกิจการตามปกติ